อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 8 วันที่ 28 ก.พ. 56


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 8 วันที่ 28 ก.พ. 56

นพดลยิ้มๆ ดึงพเยียลงนั่งบนเตียงใกล้ มองหน้าพเยียอย่างจับสังเกต เหมือนค้นหา แววตาเจ้าเล่ห์
“พเยียยังไม่ได้บอกพี่เลย ว่าทำไมให้พี่ไปกำจัดกอหญ้า"
“ไม่เกี่ยวกับพี่ อย่ารู้เลยน่ะ” พเยียจะลุก แต่นภดลดึงไว้ “ได้เงินแล้วก็ไปซี รีบไม่ใช่เหรอ”
นภดลเซ้าซี้ “บอกพี่มาก่อนซี พเยียกับกอหญ้าเป็นเพื่อนกันมาแท้ๆ ทำไมคิดจะฆ่ากัน มันต้องมีเงื่อนงำอะไรแน่ๆ ใช่ไหม” นภดลเพ่งมอง “พเยียบอกว่าเค้ามาขวางทางของพเยีย ขวางอะไร ยังไง”
“ฉันไม่บอก บอกไม่ได้”

“พเยียไม่บอก งั้น...พี่ไปถามกอหญ้าก็ได้”
นพดลคว้ากระเป๋าจะออกไป พเยียคว้าตัวไว้


“จะบ้าเหรอ พี่นพ ขืนมันเห็นหน้าพี่ พี่ก็เข้าคุกเท่านั้น”
“พี่คงไม่เข้าคนเดียวหรอก ว่าไหม”
นพดลมองหน้าพเยียอย่างยียวน พเยียอึ้ง
นภดลคาดคั้น “จะบอกหรือไม่บอก ว่าทำไมต้องให้พี่ไปฆ่ากอหญ้า”
“คือ ฉันกับกอหญ้านั่งรถลงมากรุงเทพฯ ด้วยกัน เกิดรถคว่ำ คนขับก็ ตาย แม่ยุพาก็ตาย ฉันนึกว่ากอหญ้ามันตายไปด้วย ฉัน...ฉันเลยฉวยโอกาสแอบอ้างว่าเป็นมัน”
นภดลอึ้ง “แอบอ้างเป็นกอหญ้า...ยังไง”
พเยียจำใจเล่า “จริงๆ แล้วฉันไม่ใช่ลูกของคุณนภดาราหรอก นังกอหญ้าต่างหาก ที่เป็นลูกสาวของเค้า เป็นทายาทตัวจริงของศิวาวงศ์”
พเยียสารภาพความจริงแค่ครึ่งเดียว ไม่ได้บอกว่าตัวเองทำร้ายกอหญ้า นพดลเกือบหัวเราะ มองพเยียกึ่งขบขัน กึ่งเหลือเชื่อ

ภายในห้องสะกดจิตที่โรงพยาบาล บรรยากาศห้องสีขาวสว่างไสว ดูโปร่ง โล่ง สบาย เห็นกอหญ้านั่งเอนตัวสบายๆ อยู่ตรงหน้าหมอวิชาญ ตรงหน้ามีกระดิ่งแก้วอันเล็กๆ
“กอหญ้า ผมอยากให้คุณหลับตา” กอหญ้าหลับตา “ผ่อนคลาย เมื่อผมเขย่ากระดิ่งอันนี้ คุณจะกลับไปตอนที่คุณยังเด็ก แล้วเมื่อผมเขย่าอีกครั้ง คุณจะกลับมาที่นี่” หมอวิชาญเขย่ากระดิ่ง “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน”
สีหน้ากอหญ้าดูมีความสุข
“ฉันอยู่ที่โบสถ์ บนเขา สวย”
“คุณกำลังทำอะไรอยู่”
ภาพจำในความคิดกอหญ้า ผุดขึ้นในหัวเด็กสาว เห็นตัวเองเล่นเปียโนร้องเพลง
“แล้วคุณเห็นอะไรอีก”
สีหน้ากอหญ้ามีความสุข
“ฉันกำลังขี่จักรยาน...พาชิษณุพงษ์ไปเที่ยว…ว้าย”
หมอวิชาญถามต่อ “เกิดอะไรขึ้น”
กอหญ้าบอกหน้าตาหงุดหงิดหมั่นไส้ “คุณอิศรขับรถชนฉัน คนอะไร นิสัยไม่ดี พาลเกเรที่สุด
หมอวิชาญยิ้มขำ แล้วเห็นสีหน้าของกอหญ้าเครียดขึ้น
“แล้วยังไงอีก”
ภาพจำตอนกอหญ้านั่งอยู่ในรถที่ขับฝ่าสายฝนผุดขึ้นในหัว
กอหญ้าบอก “ฝนตกหนัก ฉันอยู่ในรถ”
“ไปไหน” หมอวิชาญถาม

“ไปกรุงเทพฯ แย่แล้ว” จู่ๆ สีหน้ากอหญ้าเครียดเคร่ง มือเกร็งขณะบอก “รถ รถเบรกแตก”
หมอวิชาญปลอบโยน “ใจเย็นๆ กอหญ้า ค่อยๆ ถอยตัวเองห่างออกมา คุณไม่ได้เป็นกอหญ้า คุณอยู่ห่างออกมา มองดูสิ่งที่เกิดขึ้น คุณเห็นอะไร”
กอหญ้าเห็นรถคว่ำ ควันโขมง
“รถคว่ำ...ทุกคนบาดเจ็บ ฉันนอนอยู่กับพื้น”
กอหญ้าเห็นตัวเองนอนฟุบกับพื้น จังหวะนั้นภาพเริ่มขาดวิ่น ไม่ปะติดปะต่อ แต่ยังเห็นว่าเป็นพเยียเดินเข้ามาหา สายฟ้าฟาดเปรี้ยง แล้วทุกอย่างก็ดับวูบ
กอหญ้า ร้องกรี๊ด “อย่า พเยีย”
หมอวิชาญเห็นท่าไม่ดี รีบคว้ากระดิ่งมาเขย่า
“คุณกอหญ้า”
กอหญ้าลืมตาขึ้น ตัวสั่น หมอวิชาญปลอบโยน
“เกิดอะไรขึ้นครับ กอหญ้า คุณเห็นอะไร”
กอหญ้านิ่ง ไม่ตอบ หน้าตาดูหวาดกลัว

ด้านนพดลหัวเราะร่วน
“เหลือเชื่อจริงๆ พเยียเอาล็อกเก๊ตมาแสดงตัวเป็นทายาท แต่กอหญ้าดันไม่ตาย แต่กลายเป็นความจำเสื่อม”
“ฉันกลัวว่าซักวันนึง มันก็ต้องจำได้ ฉันเลยต้องกำจัดมันซะก่อน”
นพดลมีสีหน้าเหมือนคิดอะไรได้ ทำเนียนๆ เอาโทรศัพท์ขึ้นมาถือเล่นๆ แล้วลงนั่งโอบชิดพเยียทำเป็นหยอกล้อน่ารัก
“โหดจริงๆ นะคนสวย แต่อย่างว่าล่ะนะ เงินไม่รู้กี่หมื่นกี่พันล้าน เป็นใคร ใครก็เสียดาย...” หนุ่มแสบพูดชัดๆ “พเยียจ้างให้พี่ฆ่านังกอหญ้า พี่ต้องเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางสารพัด แลกกับเงินแสนเดียว แต่พเยียได้เป็นทายาทสมบัติพันล้าน มันไม่ยุติธรรมเลยนี่”
พเยียแหวใส่ทันที “ก็เราตกลงกันเท่านี้ พี่อย่ามางี่เง่ากับฉันนะ”
นพดลลุกขึ้นยืน วางท่ากร่างขณะบอก
“พี่จะเอาสิบล้าน”
พเยียโกรธ “บ้า ฉันจะไปเอามาจากไหน ฉันไม่มี”
“พเยียไม่มี แต่หม่อมหลวงนภดาราคงจะมี” นพดลหยิบโทรศัพท์มาโชว์
พเยียเอะใจ รู้ทันที ถูกนภดลอัดเสียงเมื่อครู่ “พี่นพ”
“คลิปเสียงนี่ เป็นหลักฐานชัดเจนว่าพเยียเป็นคนบงการฆ่ากอหญ้า ลูกสาวตัวจริงของหม่อมหลวงนภดารา ถ้าพี่บอกว่าพี่มีหลักฐานอันนี้ซักยี่สิบสามสิบล้าน เผลอๆ เขาก็อาจจะยอมจ่าย” นพดลขู่
พเยียกรี๊ด “ไม่นะ พี่นพอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ”
“ถ้ายังอยากเป็นคุณหนูพเยียอยู่ ก็ไปหาเงินมา อีกสิบวัน ถ้าพี่ยังไม่ได้สิบล้าน คลิปเสียงนี่ถึงมือหม่อมหลวงนภดาราแน่”

พเยียอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก
ส่วนกอหญ้าจิบน้ำ พยายามสงบสติอารมณ์ อิศรกับหมอวิชาญนั่งอยู่ด้วย สีหน้าเป็นห่วง

กอหญ้าพยายามเล่า “ฉันเห็นว่ามีคนกำลังจะฆ่าฉัน”
อิศรถาม “ใคร”
“ฉันเห็นไม่ชัด มันเป็นความรู้สึก แต่ฉันแน่ใจค่ะ ก่อนที่ฉันจะหมดสติไป เขาต้องการฆ่าฉัน” กอหญ้ามั่นใจ
“ต้องเป็นไอ้ฆาตกรคนนั้นแน่ ไอ้คนที่ตีหัวเธอ มันคือผู้ชายที่ไปดักจับเธอที่หัวหินใช่ไหม”
กอหญ้าหลับตา นึกอีก ภาพแว๊บเข้ามา ถึงไม่ชัด แต่กอหญ้ามั่นใจว่าใครคนนั้นคือพเยีย
กอหญ้า ลืมตา “ไม่ใช่ค่ะ”
“แล้วเป็นใคร เป็นคนที่เธอรู้จักหรือเปล่า” อิศรถาม
กอหญ้านิ่ง ชั่งใจ ตัดสินใจไม่ตอบ
อิศรตื่นเต้นเร่งเร้า “นึกสิ กอหญ้า เธอรู้จักมันใช่ไหม มันเป็นใคร บอกฉันมา เราจะไปให้ตำรวจลากคอมันเข้าตะราง”
หมอวิชาญปราม “ใจเย็นเว้ย เพื่อน ข้อมูลหรือภาพที่ได้จากการสะกดจิต ยังใช้เป็นหลักฐานกับตำรวจ หรือยืนยันในศาลไม่ได้นะเว้ย ถึงพูดไป ก็ไม่ใช่จะเอาใครเข้าตะรางได้”
กอหญ้าได้คิด “งั้นหรือคะ”
“ตกลงว่าเธอเห็นใคร หน้าตาเป็นยังไง” อิศรซัก
กอหญ้าเห็นว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ตัดสินใจเงียบไว้ก่อน
“ฉันไม่เห็นหน้าหรอกค่ะ มันเป็นแค่เงาดำๆ แต่ฉันมั่นใจ ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นแน่นอน”
อิศรเซ็งทิ้งตัวพิงโซฟา หมดหวัง กอหญ้านิ่ง หมอวิชาญมองกอหญ้า รู้สึกได้ว่าเธอซ่อนความจริงบางอย่างไว้

เย็นนั้นแม่ชื่นเคาะประตู แล้วเข้ามาในห้องนภดารา
“คุณดาราไม่ลงไปทานข้าวหรือคะ”
“ยังก่อนจ้ะ ฉันจะรอลูกพเยียกับกอหญ้า”
“ยังไม่มีใครกลับมาเลยค่ะ อยู่แต่คุณหญิงนภา” แม่ชื่น เห็นนภดาราเมินหน้าก็นึกรู้ “คุณดารายังโกรธคุณหญิงอยู่หรือคะ”
“อาหญิงเกลียดลูกของฉัน เกลียดอย่างไม่มีเหตุผล ฉันเป็นแม่ แม่ชื่นจะให้ฉันรู้สึกยังไง”
“คุณหญิงเธอก็มีเหตุผลของเธอล่ะค่ะ” แม่ชื่นบอก
“เหตุผลอะไรคะ แม่ชื่น” นภดาราอยากรู้ แต่แม่ชื่นนิ่ง “ใครมีเหตุผลอะไรก็บอกฉันมาซี ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าพเยียไปทำผิดคิดร้ายอะไร”
“อาทิตย์หน้า คุณชายก็จะกลับมาแล้ว ถึงตอนนั้น คุณหญิงคงจะพูดทุกอย่างให้ฟังจนหมดเปลือก แต่ระหว่างนี้” แม่ชื่นพูดจริงจัง สีหน้าห่วงใย “คุณดาราลองจับตาคุณหนูพเยียดีๆ เถอะค่ะ บางทีอาจจะได้เห็นอะไรๆ บ้าง”
แม่ชื่นตัดบท พูดกำกวม แล้วเดินออกไป นภดารานิ่งคิด แปลกใจ

ส่วนพเยียหน้าตาเครียดจัด เดินเข้าบ้านมา ศรีเดินมารับ
“คุณหนูรับข้าวเย็นเลยนะคะ คุณดารารออยู่”
พเยียขรึม ทุกข์หนัก “ไม่ล่ะ ฉันกินไม่ลง” ศรีมอง งงๆ “ไปบอกคุณแม่ด้วยว่าฉันปวดหัว อยากนอน อย่าให้ใครมากวนล่ะ”
พเยียกำชับ แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน เจอนภาจรียืนตระหง่าน ดักอยู่ตรงหัวบันได พเยียชะงัก ทั้งสองจ้องตากัน
นภาจรีเยาะ “ไง ถึงขั้นปวดหัวตัวร้อน กินข้าวไม่ได้ กลุ้มใจเรื่องอะไรเหรอ”
พเยียตีหน้าซื่อ “คุณยายเล็กพูดอะไร พเยียไม่รู้เรื่อง”
พเยียเดินหลบไปถึงหน้าห้อง นภาจรีเข้าขวาง พูดเสียงแข็งใส่หน้า
“อย่ามาเรียกฉันว่าคุณยาย แกไม่ใช่หลานฉัน แกมันตัวปลอม”
พเยียสะอึก มองนภาจรีตาเขม็ง พยายามใจดีสู้เสือ
“หนูเป็นลูกของคุณแม่” พเยียเสียงแข็ง
“ไปหลอกคนอื่นเถอะ หลานสาวตัวจริงของฉันไม่ใช่แก”
พเยียหน้าซีดขาวเป็นกระดาษ นภาจรียิ้มเยาะ
“พี่ชายกลับมาเมื่อไหร่ ฉันจะแฉแกให้หมดเปลือก ฉันจะเฉดหัวแกออกไปจากศิวาลัยให้ได้ คอยดู”
นภาจรีเดินเชิดออกไป พเยียเปิดประตู เข้าห้อง แล้วทรุดลงที่หลังบานประตูนั่นเอง ตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัว

นพดลกึ่งนั่งกึ่งนอนดูทีวีอยู่ในห้องที่คอนโด กินขนมขบเคี้ยวกับโค้ก โทรศัพท์ดังขึ้น
“ฮัลโหล”
พเยียสงบจิตใจได้แล้ว พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“พเยียเอง พี่นพ”
“โทร.มาเนี่ย หาเงินสิบล้านให้พี่ได้แล้วเหรอจ๊ะ”
“ฉันให้พี่ได้มากกว่าสิบล้านอีก” นพดลวางกระป๋องลงสนใจ “แต่พี่ต้องช่วยฉันอย่างนึงก่อน”
“ยังไง”
“มีคนคนนึง มันจะบอกคุณแม่ว่าฉันไม่ใช่ทายาทตัวจริง เราต้องรีบเก็บมัน”
“อีกแล้วเหรอ”
พเยียอ้อนวอน “กะอีแค่จัดการกับผู้หญิงแก่คนเดียว ง่ายจะตาย...ถ้ามันพ้นทางไปได้ พี่อยากได้อะไรนะพี่นพ ฉันให้พี่ได้ทุกอย่าง”
“แล้วถ้าพี่ไม่ทำ”
“ฉันอด พี่ก็อดด้วย ไม่ได้ซักสตางค์แดงเดียว ลองคิดดูดีๆ แล้วกัน ว่าจะช่วยฉันหรือไม่ช่วย”
เจอพเยียขู่กลับ นภดลคิดนิดหนึ่ง “ยังไง ว่ามา”

พเยียบอกแผนแล้ววางสาย หน้านิ่ง
บรรยากาศยามเช้าที่วังศิวาลัยสดใส ขณะที่นภดาราเดินออกจากห้อง กำลังจะลงไปที่ห้องอาหาร แล้วชะงัก มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างแปลกใจ เห็นพเยียนั่งหลบมุมทำอะไรบางอย่างอยู่หลังพุ่มไม้ในสวน

นภดาราเพ่งมอง แล้วหวนคิดถึงคำของแม่ชื่นขึ้นมา
“ระหว่างนี้ คุณดาราลองจับตาดูคุณหนูพเยียดีๆ เถอะค่ะ บางทีอาจจะเห็นว่าอะไรเป็นอะไร”
นภดารานิ่วหน้า นึกสงสัยขึ้นมา

ในสวนสวยของ วังศิวาลัย เช้านั้นพเยียเอาขนมสำหรับแมวเล่นล่อให้ปุยฝ้ายเดินตามมาในสวน ปุยฝ้ายก็ตามบ้างไม่ตามบ้าง พเยียพยายามอย่างไม่ลดละ
“มานี่ เร็ว มานี่” พเยียล่อหลอกเสียงหวาน “เหมียวๆๆ ปุยฝ้ายมากินขนมนะ”
ปุยฝ้ายเหมือนตกใจอะไร วิ่งหนี พเยียขัดใจ จะตาม
“นังปุยฝ้าย เอ๊ะ นังนี่”
แต่แล้วพเยียก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงนภดาราดังขึ้นข้างหลัง
“จะทำอะไรน่ะลูก”
พเยียหันมาเห็นนภดารา ตกใจเอามือซ่อนของไว้ข้างหลังตามสัญชาตญาณ ยิ้มเจื่อนๆ
“ไปวุ่นวายอะไรกับปุยฝ้าย” นภดารามองอย่างสงสัย “แล้วในมือนั่นอะไร”
พเยียนึกได้ ค่อยๆ เอามือออกมาข้างหน้า ยื่นถุงขนมแมวให้นภดารา
“ขนมค่ะ พเยียเอามาให้ปุยฝ้ายกิน”
นภดารามองๆ ดู เห็นเป็นขนมสำหรับแมวจริงๆ พเยียอธิบายเสียงอ่อย
“พเยียเห็นคุณยายเล็กรักปุยฝ้ายมาก ก็เลยคิดว่า ถ้าพเยียทำดีกับปุยฝ้ายมากๆ คุณยายเล็กอาจจะชอบพเยียขึ้นมาบ้าง”
นภดาราฟังแล้วถอนใจ ด้วยความสงสารพเยีย
“แม่ว่าหนูอยู่เฉยๆ ดีกว่าลูก คุณยายเล็กท่านยิ่งอคติกับหนูอยู่ เกิดปุยฝ้ายท้องเสียหรือไม่สบายขึ้นมา ท่านจะหาว่าหนูแกล้งแมวของท่าน มันจะเป็นเรื่องกันอีกนะลูกนะ”
“ค่ะ คุณแม่ พเยียไม่ทันคิด พเยียจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ”
นภดาราโอบเอวพเยีย พาเดินกลับเข้าบ้าน
“ไปล้างมือแล้วมาทานข้าวเช้าเป็นเพื่อนแม่ดีกว่า วันนี้กอหญ้าก็ไม่อยู่”
พเยียระแวง “ไปไหนอีกคะ”
“เค้าขอออกไปธุระน่ะจ้ะ ชิษณุโทร.มาตาม คงจะเกี่ยวกับเรื่องในอดีตของเค้านั่นแหละ”
พเยียหน้าเสีย หวาดระแวง

ที่บ้านชิษณุพงษ์ตอนสายๆ ลุงเติมควักเศษกระดาษออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ส่งให้กอหญ้า ชิษณุพงษ์กับแตงนั่งอยู่ด้วย
“นี่เป็นที่อยู่ใหม่ของคุณแม่วันเพ็ญ”
กอหญ้าพยายามนึก
“คุณแม่วันเพ็ญ”
ชิษณุพงษ์บอก “แม่ชีที่โบสถ์ที่เธอเคยอยู่ไง หลังจากรถคว่ำไม่กี่วัน โบสถ์ที่เธอเคยอยู่ก็โดนไล่ที่ พวกแม่ชีเลยแยกย้ายกันไปหมด ฉันเลยขอให้ลุงเติมออกสืบหา”
“คุณแม่วันเพ็ญแกสนิทกับคุณแม่ยุพามากนะครับ แกอาจจะรู้อะไรดีๆ บ้างก็ได้”
กอหญ้าสีหน้ามีหวัง ก้มลงมองกระดาษในมือ สีหน้าหนักใจขึ้นมา
“อยู่ตั้งเชียงราย” กอหญ้าคิดๆ “จะไปยังไง ไม่ให้คนที่วังรู้”
ลุงเติม แตง และชิษณุพงษ์ไม่เข้าใจ
“ทำไมล่ะจ๊ะ คุณกอหญ้า ทำไมถึงให้คนที่วังศิวาลัยรู้เรื่องไม่ได้” แตงถาม
“ฉันกลัวจะเกิดเรื่อง เหมือนตอนที่ไปหัวหินอีกน่ะ แตง”
แตงกับชิษณุพงษ์เข้าใจทันที
“คนที่คิดจะฆ่าเธอ มีสายอยู่ในวัง อย่างงั้นใช่ไหม”
“ชัวร์ คุณณุ แตงเห็นกับตาว่าไอ้หมอนั่นมันโทร.นัดกับใครซักคน มันต้องเป็นคนในวังนั่นแหละ ที่รู้ว่าคุณกอหญ้าอยู่ที่บ้านหลังไหน”
“งั้นฉันจะไปกับเธอ เพื่อความปลอดภัย” ชิษณุพงษ์ว่า
“งั้นแตงไปด้วย”
“แต่ถ้าคนร้ายมันตามไป แล้วคุณสองคนต้องมาเดือดร้อนเพราะฉัน...” กอหญ้าตัดสินใจ “ไม่ค่ะ ฉันยอมไม่ได้”
“ฉันก็ไม่ยอมให้เธอไปคนเดียวเหมือนกัน” ชิษณุพงษ์บอก
ลุงเติมรีบท้วง
“เดี๋ยวก่อนครับ ทุกคน ฟังลุงเติมก่อน” ทุกคนชะงัก หันมาดู “ไม่มีใครต้องเสี่ยงอะไรทั้งนั้น”
“ยังไง ลุง” แตงงง
“หนูกอหญ้าอยู่เฉยๆ ทำตัวปกติ อย่าให้ใครสงสัย คุณชิษณุอยู่กรุงเทพฯ คอยดูแลคุณกอหญ้า” ลุงเติมหันมองแตง ยักคิ้ว “ไอ้แตง จะเป็นคนไปหาคุณแม่วันเพ็ญที่เชียงราย”
ชิษณุพงษ์ถาม “ว่าไงแตง”
“ลุงว่าไง แตงก็ต้องว่างั้นอยู่แล้ว ว่าแต่ว่า ถ้าแตงเจอคุณแม่วันเพ็ญ จะให้แตงไปถามว่าไง”
กอหญ้ายิ้มดีใจ รีบอธิบาย

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 8 วันที่ 28 ก.พ. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager