อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 5/4 วันที่ 22 ก.พ. 56


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 5/4 วันที่ 22 ก.พ. 56

“ใครมากันน่ะ แตง” เจ้าชะงัก เมื่อเห็นหน้าตาเอาเรื่องของอิศร “มาหาใครคะ คุณ”
“สวัสดีครับ”
อิศรสงบลง ยกมือไหว้อย่างสุภาพ แต่หน้ายังเคร่งเครียด เจ้ามลุลีรับไหว้งงๆ เจ้าแสงโชติเดินตามออกมา
“เสียงรถใครเอะอะ” เห็นอิศร “อ้าว คุณ” เจ้าแสงโชติคุ้นๆ หน้าพยายามนึก
อิศรไหว้ แนะนำตัว “ผมอิศรครับ อิศร อดิศวร ผมเคยเจอเจ้าที่วังศิวาลัย”

สุบรรณเสนอหน้า “ผมสุบรรณครับ เป็นผู้ช่วยคุณอิศร”
เจ้าแสงโชติถาม “มีอะไรกันหรือ คุณ”


“ผมมีเรื่องสำคัญต้องพูดกับคุณชิษณุพงษ์ ลูกชายของเจ้าครับ”
แตงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา เบรคเอี๊ยด
“อย่านะคุณ” แตงกางมือขวางหน้าอิศร “ถ้าจะมาหาเรื่องกันล่ะก็ กลับไปเลยดีกว่า”
“อะไรกันแตง เอะอะโวยวายอะไร” เสียงเจ้ามลุลีดังขึ้น
“ผมไม่ได้มาหาเรื่องใคร ผมมาที่นี่ เพื่อมาตามกอหญ้าแฟนผม! ผมสงสัยว่าเค้าจะมาหาลูกชายของเจ้าที่นี่” อิศรว่า
เจ้าแสงโชติกับเจ้ามลุลีมองหน้ากัน ยุ่งล่ะซี

ชิษณุพงษ์รู้เรื่องก็ตกใจ ถามเสียงดัง
“อะไรนะ! กอหญ้าหนีออกจากบ้าน!” ลุกพรวดขึ้นอย่างเอาเรื่อง “คุณทำอะไรกอหญ้า ทำไมเค้าถึงต้องหนีไป”
“ผมไม่ได้ทำอะไร เค้าแค่มีปัญหากับที่บ้านผมนิดหน่อย เค้าก็เลยออกจากบ้านไป” อิศรมองอย่างจับผิด “ผมคิดว่าเค้ามาหาคุณที่นี่เสียอีก”
ชิษณุพงษ์กวนกลับ “ถ้าเขามาจริง ผมไม่มีทางปล่อยเค้ากลับไปกับคุณแน่”
อิศรลุกพรวด เข้าไปหาชิษณุพงษ์
“กอหญ้าอยู่ที่นี่ใช่ไหม”
“เปล่า”
“ผมไม่เชื่อ” อิศรลืมตัว กระชากแขนชิษณุพงษ์คาดคั้น “คุณเอากอหญ้าไปซ่อนไว้ใช่ไหม”
ชิษณุพงษ์ชักโมโห “ผมบอกแล้วไงว่าเปล่า” ผลักอกอิศร “คุณทำให้กอหญ้าต้องหนีไป ยังจะมีหน้ามาโทษคนอื่นอีกเหรอ”
อิศรเถียงเสียงดัง “ผมไม่ได้ทำอะไร ผมรักเขา ผมถึงมาตามหาเค้าอยู่นี่ไง”
สุบรรณดึงไว้ ปราม “ใจเย็นครับ เจ้านาย ใจเย็น”
อิศรไม่เชื่อ “อย่ามาโกหกผมดีกว่า กอหญ้าไม่รู้จักใครทั้งนั้น ถ้าไม่มาหาคุณ เค้าจะไปไหนได้”
เจ้าแสงโชติพูดแทรกขึ้น
“ผมยืนยันได้ ว่าผู้หญิงที่ชื่อกอหญ้า ไม่ได้มาที่นี่จริงๆ”

อิศรมองเจ้าแสงโชติ ชั่งใจว่าจะเชื่อดีไหม
“คุณอิศรคงไม่คิดว่าผู้ใหญ่อย่างเจ้าแสงโชติจะโกหกใช่ไหมคะ”
อิศรสงบลง สุบรรณพูดกับอิศรเสียงอ่อย
“คุณกอหญ้าคงไม่ได้มาที่นี่หรอกครับ คุณอิศร เราคงเข้าใจผิดแล้วกลับกันเถอะ”
“ถ้าอย่างนั้น” อิศรยกมือไหว้ “ผมก็ต้องขอโทษด้วย ที่มารบกวนเวลาและความสงบของเจ้า” สีหน้าเครียด เพราะห่วงกอหญ้ามาก “แต่ผมก็ยังอดสงสัยไม่ได้ กอหญ้าไม่มีเพื่อนที่ไหนทั้งนั้น นอกจากเราสองคน กอหญ้าออกจากบ้านผม ถ้าเค้าไม่ได้มาที่นี่ เค้าจะไปที่ไหนได้”
ชิษณุพงษ์คิดๆ แล้วพูดขึ้นมา
“ผมว่าผมเดาได้” ทุกคนมองชิษณุพงษ์เป็นตาเดียว ชิษณุพงษ์เรียกเสียงดัง “แตง”
ไม่มีเสียงตอบ ชิษณุพงษ์พูดซ้ำ
“ออกมานี่ แตง ฉันรู้นะว่าเธอแอบฟังอยู่”

แตงค่อยๆ โผล่หัวออกมาจากหลังประตูห้อง ยิ้มแหยๆ แลดูน่ารักน่าขัน
ครู่ต่อมาลุงเติมอยู่เชียงใหม่ รับสายแตงที่โทร.มาจากบ้านชิษณุพงษ์ที่กรุงเทพฯ

“เออ ได้ ไม่ต้องห่วง ลุงจะออกตามหาให้ทั่วเมืองเลย”
แตงคุยโทรศัพท์กับลุงเติม มีเจ้าทั้งสองกับชิษณุพงษ์กำกับอยู่ข้างๆ
“เจ้าสั่งว่า ให้สั่งคนงานของเราทุกคนเลยนะลุง ถ้าใครได้เบาะแสของคุณกอหญ้า เจ้าจะมีรางวัลให้” แตงบอก
“เออน่า บอกแล้วว่าไม่ต้องห่วง ถ้าหนูกอหญ้ากลับมาที่เชียงใหม่จริงๆ ยังไงพวกเราต้องเจอ”
ลุงเติมบอกแล้ววางสาย แตงวางสายตาม
เจ้าแสงโชติหันไปบอกอิศร
“คนที่โรงไหมของผมมีร่วมห้าสิบคน ถ้ากอหญ้ากลับไปเชียงใหม่ ยังไงก็น่าจะได้เบาะแสเร็วๆ นี้”
ชิษณุพงษ์บอกเสียงเข้ม “การตามหากอหญ้าเป็นหน้าที่ของพวกผมเอง คุณกลับไปได้แล้ว”
อิศรมองชิษณุพงษ์ หมั่นไส้ แต่ทำอะไรไม่ได้
“เรากลับก่อนเถอะครับ คุณอิศร” สุบรรณบอก
อิศรยกมือไหว้ “ผมลาละครับ เจ้า ขอบคุณมากที่ช่วยเหลือ ผมจะรอฟังข่าวนะครับ”
อิศรกับสุบรรณออกไป ชิษณุพงษ์มองตาม
“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” หันมาทางเจ้าพ่อเจ้าแม่ “เจ้าพ่อกับแม่ก็ใจดีเกินไป เราทำอะไรมันก็เรื่องของเรา จะต้องไปรายงานมันทำไม”
“ลูกห่วงเพื่อนลูก เขาก็ห่วงเพื่อนเขาเหมือนกัน คิดถึงใจเขาใจเราบ้างนะ ชิษณุ แม่ดูท่าทางเขาก็รักหนูกอหญ้าไม่น้อยไปกว่าลูกหรอก”
ชิษณุพงษ์ฟังเจ้าแม่พูด ยิ่งร้อนใจ

อีกมุมหนึ่งของบ้าน ชิษณุพงษ์ลากแตงมาสั่ง น้ำเสียงและท่าทาง ดูเป็นความลับ
“เธอโทร.บอกลุงเติมนะ ถ้าเจอกอหญ้า ให้ลุงเติมโทร.หาฉันก่อน บอกฉันคนเดียวเท่านั้น อย่าเพิ่งบอกใคร แม้กระทั่งเจ้าพ่อเจ้าแม่”
“คุณณุจะขี้โกง ไม่บอกคุณอิศรใช่ไหม”
ชิษณุพงษ์ยักคิ้ว ยิ้มร้าย

รถของอิศรขับแล่นบนถนน เพิ่งออกจากบ้านชิษณุพงษ์ อิศรคิดๆ แล้วหันไปสั่งสุบรรณที่กำลังง่วนกับโทรศัพท์
“สุบรรณ”
สุบรรณบอกเสียงจริงจัง “รู้แล้วครับ”
อิศรงง “รู้อะไร”
“รู้ว่าผมต้องบินไปเชียงใหม่ ไปหาคุณกอหญ้าให้เจอ ก่อนคนของเจ้าแสงโชติ” เสียงโทรศัพท์ร้องเตือน สุบรรณเปิดดูแมสเสจแล้วบอก “ผมได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว ออกเย็นนี้”
อิศรหันมามองสุบรรณ ยิ้มปลื้ม
“ดี เก่ง สุดยอด ฉันภูมิใจในตัวแกจริงๆ สุบรรณ”
“กรุณาจำความรู้สึกนี้ไว้ จนกว่าถึงวันแจกโบนัสสิ้นปีนะครับ คุณอิศร”

ด้านแม่ชื่นเดินนำกอหญ้าเข้ามาในห้องที่จัดเอาไว้แล้วเรียบร้อย แม่ชื่นบอกหน้าตายิ้มแย้ม
“ห้องนี้ปกติเอาไว้รับรองแขกค่ะ คุณพักที่นี่ตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ”
กอหญ้ามองไปที่เตียง เห็นเสื้อคลุมอาบน้ำ ผ้าขนหนู และชุดนอนสวยงามพับวางเอาไว้อย่างเรียบร้อย แม่ชื่นอธิบาย
“ของคุณดาราค่ะ คิดว่าคุณน่าจะพอใส่ได้ ส่วนเสื้อคลุมกับผ้าเช็ดตัวนั่นของใหม่ ยังไม่มีใครใช้ แต่ถ้ามีอะไรขาดเหลือก็บอกดิฉันได้”
“ไม่มีอะไรขาดหรอกค่ะ ดีเกินไปเสียด้วยซ้ำ” กอหญ้าไหว้ขอบคุณ “ขอบคุณคุณป้ามานะคะ”
แม่ชื่นขำ “อุ๊ย ดิฉันเลี้ยงคุณดารามาตั้งแต่ยังเล็ก เรียกป้าไม่ได้หรอกค่ะเรียกย่าเรียกยายถึงจะถูก...หรือคุณจะเรียกดิฉันว่าแม่ชื่นเหมือนคุณๆ ท่านก็ได้”
“งั้นแม่ชื่นก็เรียกหนูว่ากอหญ้าเฉยๆ ก็พอนะคะ ให้นึกเสียว่าหนูเป็นลูกเป็นหลานคนนึง”
แม่ชื่นมองกอหญ้าอย่างเอื้อเอ็นดู
“จ้ะ หนูกอหญ้า หนูเองก็คิดเสียว่าฉันเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่” แม่ชื่นบอกจริงจัง “หนูบอกฉันได้ ถ้าหากมีใครทำอะไรหนู โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...คุณหนูพเยีย...ตกลงไหม”
กอหญ้าพยักหน้า รู้สึกอบอุ่นในใจ

พเยียนั่งชันเข่ากอดหมอนใบใหญ่อยู่บนเตียง หน้าหงิกงอ มีนภดารานั่งปลอบอยู่ข้างๆ
“คุณตาพูดอย่างนี้ จะให้พเยียคิดยังไง”
“คุณตาท่านก็แค่ขู่ ไม่อยากให้พเยียทำผิดซ้ำสองเท่านั้นเอง”
พเยียเสียงดัง ใส่อารมณ์ด้วยความเครียด “แล้วทำไมต้องพูดว่าจะไม่นับเป็นหลาน ทำไมคะ ถ้าพเยียทำผิด คุณตาจะทำอะไร จะเฉดหัวพเยียออกจากบ้านงั้นเหรอคะ”
“พเยีย”
นภดาราแตะตัวพเยียจะกอดปลอบโยน พเยียสะบัดหนี ทิ้งตัวลงนอน หันหลังให้ เจ็บใจจนน้ำตาคลอ
“จะทำอะไรหรือไม่ทำ คุณตาก็ไม่เคยเห็นพเยียเป็นหลานอยู่แล้ว”
นภดาราลูบหัวพเยียอย่างปราณี
“คุณตาท่านก็พูดไปอย่างนั้น...ยังไงหลานก็คือหลาน คุณตาท่านจะคิดเป็นคนอื่นได้ยังไง อย่าคิดมากนะลูกนะ”
นภดาราปลอบ พเยียนอนซบหน้านิ่ง ไม่หันไปมามอง แววตาหวาดระแวงและเจ็บแค้นในใจ

คืนนั้นกาน้ำชากระเบื้องเคลือบงดงาม ดูสูงค่าถูกยกขึ้น น้ำร้อนจัดควันกรุ่นไหลจากพวยกา ลงในถ้วยกระเบื้องเคลือบสวยงามเข้าชุดกัน ชุดน้ำชานี้มีลวดลายเฉพาะตัว เป็นของใช้ประจำตัวของนภัสรพีคนเดียว นภัสรพีมีพฤติกรรมดื่มชาคาโมไมล์ก่อนนอน
นภัสรพียกถ้วยชาขึ้นจิบ ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

เมื่อเย็นที่ผ่านมา กอหญ้านั่งเรียบร้อยอยู่ตรงหน้านภัสรพี ขณะที่นภัสรพีถาม
“แล้วหนูรู้ไหม ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับหนู มันคืออะไร”
“รถคว่ำค่ะ”
นภัสรพีตาวาว รีบซัก “ที่ไหน เมื่อไหร่”
“หนูไม่ทราบค่ะ หนูมารู้ตัวที่โรงพยาบาล แต่พอตื่นมา ก็จำอะไรไม่ได้แล้ว คุณอิศรบอกว่าเจอหนูจมกองเลือดอยู่ที่ข้างทาง แต่เขาก็ไม่รู้อะไรมากไปกว่านั้น ท่านสงสัยอะไรเหรอคะ”
นภัสรพีนิ่ง เอนพิงพนักเก้าอี้ ไม่ตอบ

นภัสรพีดึงตัวเองกลับมา วางถ้วยชาลง รำพึง
“เด็กที่ชื่อกอหญ้าคนนี้ เป็นคนเดียวกัน กับกอหญ้าที่นั่งรถมากับปราบและพเยียแน่ๆ”
นภัสรพีลุกขึ้นยืน ถอนใจหนักหน่วง

“ทำไมพเยียต้องโกหกด้วย มีเหตุผลอะไร”
ทางด้านอิศรสวมเสื้อคลุมออกมาจากห้องน้ำ เพิ่งอาบน้ำเสร็จ โทรศัพท์ดัง อิศรกระโจนพรวดเดียวถึงรับทันที

“ฮัลโหล สุบรรณ ว่าไงได้เรื่องหรือยัง”
ที่ห้องในโรงแรมที่เชียงใหม่ สุบรรณไขกุญแจเข้าห้อง คุยไปด้วย
“ผมเพิ่งมาถึงเดี๋ยวนี้เองครับ ขอเวลาหายใจแป๊บ...นึง แล้วผมจะออกไปทำงานให้”
“เออ ได้เรื่องยังไงแกบอกฉันด่วนเลยนะ แล้วไม่ว่ายังไง ห้ามกลับมามือเปล่าเด็ดขาด
“คร้าบ...” สุบรรณรับคำ
อิศรวางสาย ถอนใจหนักหน่วง
“กอหญ้า เธอไปอยู่ที่ไหนนะ”

กอหญ้าอยู่ในชุดนอน นั่งพับเสื้อชุดที่ตัวเองใส่มา คิดถึงอิศร
กอหญ้าปาเสื้อใส่อิศรในวันที่เข้าบ้านใหม่ ทั้งสองหยอกล้อกัน อิศรขโมยหอมแก้มกอหญ้าฟอดหนึ่ง
กอหญ้าสีหน้าสุขปนเศร้า คิดถึงอิศร น้ำตาคลอ เสียงเคาะประตู กอหญ้ารีบเช็ดน้ำตา
เสียงนภดารา “ฉันเองจ้ะ หนูกอหญ้า”
นภดาราเปิดประตูเข้ามา ยิ้มแย้มแจ่มใส กอหญ้ายิ้มรับ
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมจ๊ะ” นภดาราเห็นกอหญ้าใส่ชุดนอนของตนก็ยิ้ม “หนูใส่ชุดนี้แล้วสวยจริง”
“พรุ่งนี้หนูคงต้องขอยืมชุดใหม่อีกซักชุดนะคะ ชุดนี้ซักแล้วคงแห้งไม่ทัน”
“ไม่ต้องห่วงจ้ะ พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอเข้าไปเอาเสื้อผ้าของใช้ที่บ้านโน้นเองยังไง คุณสกุณาก็คงต้องเกรงใจฉันบ้าง”
“อย่าเลยค่ะ หนูพอมีเงินติดตัวมาบ้าง คุณอิศรให้ไว้ ซื้อเอาใหม่ดีกว่า หนูไม่อยากกลับไปที่บ้านนั้นอีก”
“กลัวคุณอรรถกับคุณสกุณาเหรอ”
กอหญ้าส่ายหน้า “กลัวคุณอิศรรู้ต่างหากค่ะ ถ้าหากรู้ว่าหนูมาอยู่ที่นี่ คงตามมาอาละวาดแน่ หนูเกรงใจ”
“แต่หายมาอย่างนี้ อิศรเค้าคงเป็นห่วงเธอมาก จะไม่โทร.บอกเค้าหน่อยเหรอจ๊ะ”
นภดาราพูดอย่างเห็นใจ กอหญ้ายิ้มเศร้าๆ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวเค้าก็ลืมไปเอง หนูไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นอะไรกับเค้าซักหน่อย ไม่ได้เป็นอะไรกับใครทั้งนั้น”
กอหญ้าพูดแล้วน้ำตาก็รื้นขึ้นมาอีก นภดาราดึงมากอด ด้วยความสงสาร

เช้าวันต่อมาแตงกำลังรดน้ำต้นไม้ ร่าเริงแจ่มใส เห็นชิษณุพงษ์แต่งตัวแบบจะออกจากบ้าน หน้าตาสดใส วิ่งออกจากบ้าน
“คุณณุ จะไปไหนแต่เช้า”
“ฉันจะไปหากอหญ้า ฉันรู้แล้วว่าเค้าอยู่ที่ไหน”
“จริงเหรอคะ แล้วอยู่ไหนล่ะ”
ชิษณุพงษ์เดินแกมวิ่งไปที่รถที่จอดอยู่ในโรงรถ แตงวิ่งตาม คุยกันไปด้วย
“อยู่ที่วังศิวาลัย คุณยายหญิงนภาจรีแอบโทร.มาบอกฉัน”
ชิษณุพงษ์ไปถึงรถ แตงอาสา
“แตงไปด้วย แตงขับให้”
“ไม่ต้อง ฉันหากอหญ้าเจอแล้ว เธอหมดหน้าที่ ไปได้”
ชิษณุพงษ์ไล่เล่นไม่จริงจัง ท่าทีน่ารักๆ แล้วขึ้นรถ ขับออกไปอย่างร่าเริง แต่แตงแอบจ๋อย น้อยใจนิดๆ

ทั้งหมดนั่งรับประทานอาหารเช้าด้วยกันในห้องอาหารวังศิวาลัย กอหญ้าสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ยืมมาจากพเยีย
นภัสรพีกับนภดาราหน้าตาปกติ กอหญ้าก้มหน้าก้มตา เจียมตัว พเยียนั่งขรึม ส่วนนภาจรียิ้มพรายอย่างคนอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“เมื่อคืนหลับสบายไหมจ๊ะ กอหญ้า” นภดารายิ้มๆ
“สบายดีค่ะ”
“ไม่มีตัวอะไรมากวนหรือ” นภาจรีถาม จงใจพูดแขวะพเยีย
นภดารามองอย่างอ่อนใจ พเยียตวัดตามองค้อน นภัสรพีส่งเสียงปราม
“หญิงนภา”
นภาจรีแก้ตัวเลี่ยงไป “ก็ผีบ้านผีเรือนไง มาอยู่ใหม่ๆ บางทีอาจจะมีบ้าง”
นภดารารู้ทัน ดักคอ “บ้านเรามีเจ้าที่เจ้าทางคุ้มครองอยู่ คงไม่มีใครกวนใครหรอกค่ะ อาหญิง”
“อาก็แค่ถามดู” นภาจรีหันมาทางกอหญ้า “ถ้ามันมากวนก็บอกฉันนะ กอหญ้า ฉันจะไปปัดรังควานให้”
พเยียสุดทนวางช้อนดังกึก กอหญ้าหน้าเจื่อน พยายามก้มหน้าไม่อยากมีเรื่อง แม่ชื่นเข้ามาพอดี
“คุณหญิงคะ คุณชิษณุพงษ์มาแล้วค่ะ”
พเยียกับกอหญ้าแปลกใจพร้อมกัน
“บอกตาณุว่าเดี๋ยวฉันออกไป” นภาจรีบอก
นภดาราสงสัย “อาหญิงเรียกชิษณุมาหรือคะ เรียกมาทำไม”
นภัสรพีดื่มกาแฟ แล้วลุกขึ้นยืนพลางบอก
“มาพบพ่อ มาด้วยกันสิ ดารา เห็นหญิงนภาบอกว่าชิษณุพงษ์มีอะไรที่อยากให้พวกเราดู”
นภัสรพีเดินออกไป นภดาราลุกตาม นภาจรีกรายตัวตามไปเป็นคนสุดท้าย ปรายตามองพเยียและกอหญ้า สีหน้าเหมือนขบขันและสะใจอะไรบางอย่าง

กอหญ้ากับพเยียอดมองหน้ากันไม่ได้ ทั้งสองรู้สึกสังหรณ์ใจว่าน่าจะเกี่ยวกับตัวเอง
ทุกคนอยู่ภายในห้องโถง ชิษณุพงษ์เอารูปถ่ายที่ได้จากลุงเติมวางลงบนโต๊ะตรงหน้าทุกคน

“นี่เป็นรูปถ่ายจากงานคริสต์มาสปีก่อนของโบสถ์ครับ นั่นคือพเยีย แล้วที่เล่นเปียโนอยู่ตรงนี้ เห็นไหมครับว่าคือใคร”
นภดาราหยิบมาดู แล้วบอกนภัสรพี
“เห็นหน้าไม่ค่อยชัด แต่ดูแค่นี้ก็รู้ ว่าคือหนูกอหญ้าของเราแน่ๆ”
ชิษณุพงษ์บอกจริงจัง “ผมเอารูปนี้มายืนยัน ว่ากอหญ้าเป็นเพื่อนผมจริงๆ ครับ”
“ถ้ากอหญ้าเป็นเพื่อนพเยีย อุบัติเหตุที่ทำให้แกความจำเสื่อม ก็น่าจะเป็นอุบัติเหตุรถคว่ำในคืนนั้นนั่นเอง”
นภาจรีแขวะ “แม่พเยียโกหกคำโต อยากรู้นัก จะแก้ตัวว่ายังไง”
นภัสรพีถอนใจสีหน้าหนักใจ “ดารา ไปตามเด็กสองคนนั้นมาหาพ่อที”

ครู่ต่อมานภดาราเดินนำ พเยียกับกอหญ้าเดินตาม ทั้งสองต่างมีอาการตื่นเต้น ไม่รู้ว่าจะได้เจอกับอะไร โดยเฉพาะพเยียที่หน้าเครียดเคร่ง
นภัสรพีบอก “นั่งลงสิ ทั้งสองคน”

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 5/4 วันที่ 22 ก.พ. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager.co.th