อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 5 วันที่ 20 ก.พ. 56


อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 5 วันที่ 20 ก.พ. 56

พเยียวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง นพดลยิ่งสงสัย วิ่งกวดไล่ตามไม่ลดละ พเยียวิ่งขึ้นบันไดเลื่อน หนีไม่คิดชีวิต
พเยียวิ่งหน้าตั้งหนีสุดชีวิต เหลือบไปทางด้านหลังเห็นนพดลยังตามมา พเยียหันไปเห็นร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิงหรู ตัดสินใจหนีเข้าไปในนั้น นพดล เห็นพเยียหลบแว้บเข้าไปในร้าน รีบพุ่งตัวตามติด
พอนภดลเข้ามาด้านในร้าน เห็นหลังพเยียหายเข้าไปด้านหลังร้าน นภดลทำท่าจะตามเข้าไป พนักงานขายหญิงเข้ามาขวางไว้อย่างสุภาพ

พนักงานขายยิ้ม “ขอประทานโทษค่ะ เข้าไม่ได้นะคะ ด้านหลังเป็นห้องลองเสื้อของผู้หญิงค่ะ”
“แฟนผมอยู่ในนั้น คนที่เข้าไปตะกี๊นี้ไง”



พนักงานขายชะงัก ลังเล นพดลเร่ง
“ผมมีธุระ ขอเข้าไปคุยกับเค้าหน่อย แป๊บเดียวเอง”

พเยียหลบอยู่ในห้องลองชุด แง้มประตูแอบดูสถานการณ์ เห็นพนักงานขายเดินนำนพดลเข้ามา พเยียรีบปิดประตูล็อกห้อง ใจเต้นระรัว
พนักงานขายบอกนพดลให้หยุดรอที่ทางเข้าห้องลอง
“คุณรอตรงนี้นะคะ ดิฉันจะเข้าไปตามให้”
พนักงานเดินเข้ามา สองข้างทางเดินมีห้องลองเสื้อเรียงราย มีสองห้องที่ปิดอยู่ ห้องพเยียและห้องที่อยู่ตรงข้ามกัน พนักงานขายมาหยุดที่หน้าห้องพเยีย
“คุณคะ ลองเสื้ออยู่หรือเปล่าคะ”
พเยียอยู่ในห้องลองเสื้อ สีหน้าหงุดหงิด บ่นพึมพำ
“บ้าเอ๊ย เอาไงดี”
ส่วนนพดลทำหน้าเร่งเร้า พนักงานเรียกอีก
“คุณคะ คุณผู้ชายเพื่อนคุณรออยู่ข้างนอกห้องนะคะ เห็นว่ามีธุระด่วนค่ะ”
ทันใดนั้น ประตูห้องตรงข้ามห้องที่พเยียอยู่เปิดปัง! สกุณาเดินออกมาจากห้องลอง มีเสื้อผ้าหลายชุดเต็มอ้อมแขน ถามอย่างกึ่งสงสัยกึ่งรำคาญ
“มีอะไรกัน”
พนักงานยังไม่ทันตอบ นพดลตกใจร้องขึ้น
“พี่!”
สกุณาหันไปเห็นนพดล ตกใจกว่า รีบยัดเสื้อในอ้อมแขนให้พนักงาน สั่งเสียงดุ
“ฉันเอาหมดนี่ ไปคิดเงินแล้วใส่ถุงให้ด้วย” สกุณาดันพนักงานขายออกไป “ไปซี”
พนักงานหอบเสื้อผ้าออกไป พอลับตา สกุณาคว้าแขนนพดลเข้ามาด้านใน ถามอย่างไม่พอใจ
สกุณาพูดเสียงไม่ดังนัก “มาทำไมเนี่ย นพ”
พเยียอยู่ในห้องได้ยิน ชะงัก แอบเงี่ยหูฟัง
นพดลพยายามอธิบาย
“คือผมมาหา...”
นพดลยังพูดไม่จบ สกุณาก็สวนอย่างร้อนใจ
“มาหาทำไม พี่เคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าถ้าเจอกันข้างนอก ห้ามเรียก ห้ามทัก ห้ามทำท่าว่ารู้จักพี่เด็ดขาด นพจำไม่ได้หรือไง”
พเยียยิ่งฟังยิ่งสนใจ พยายามแอบดูจากร่องรูที่ประตู เห็นนภดลคุยกับสกุณาชัดเจน นพดลไม่ค่อยพอใจกับท่าทีรังเกียจของสกุณา เลฃยตอบแบบรำคาญๆ
“ผมไม่ได้มาหาพี่หรอกน่ะ ผมมาตามเพื่อน เพื่อนผมเข้ามาในนี้”
สกุณาตกใจ “ตายล่ะ ยิ่งแล้วใหญ่เลย เธอจะให้เพื่อนเธอเห็นหน้าพี่ไม่ได้นะ” สกุณาผลักนพดลออก “เธอออกไปเดี๋ยวนี้นะ นพ”
“แต่ว่าผม...”
นพดลยังสนใจมองไปในห้องลองอีกห้องที่ปิดอยู่ ไม่ยอมไป สกุณาควักเงิน 4-5 พันออกมา ยัดใส่มือนพดล กระซิบเสียงดุ
“บอกให้ไปก็ไปซี อย่าดื้อนะ...พี่ขอ แล้วว่างๆ พี่จะแวะไปหา” ผลักนพดลไปอีก “ออกไป”
สกุณาแทบจะลากนพดลออกไป นพดลหันมองห้องเสื้อที่ปิดอยู่ มั่นใจว่ามีคนอยู่ แต่จำใจต้องออกไปกับสกุณา
พเยียยืดตัวขึ้นมาจากที่แอบมองทางช่องประตู ท่าทางโล่งใจ
“เฮ้อ รอดตัวไป ..ไอ้พี่นพเอ๊ย หลอกเราว่ามาอยู่กรุงเทพฯ ได้เป็นนายแบบ ที่แท้ก็เป็น...”
พเยียส่ายหัว ยิ้มเยาะหยัน

ด้านกอหญ้าอยู่ในชุดคนไข้ นั่งอยู่ในห้อง อิศรปิดทีวี ท่าทางหงุดหงิด
“ไม่เห็นมีอะไรดูเลย” อิศรเดินวนเวียนไปมา ท่าทางเหมือนเด็กซนๆ เอาแต่ใจ “เบื่อไหม”
กอหญ้ายิ้มขำอิศร “ไม่ค่ะ”
“แต่ฉันเบื่อนี่”

“คุณเบื่อคุณก็ไปซี คุณไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย จะมาอยู่โรงพยาบาลทำไม”
อิศรกระโดดมานั่งบนเตียง ชิดกอหญ้า
“อ๋อ ไล่เหรอ พอหายดีแล้วเก่งใหญ่นะ ยัยโก๊ะอย่างเธอ พอไม่มีฉันคอยดูแล ดูสิ เป็นยังไง”
กอหญ้า ลืมตัว เถียง “ฉันไม่ได้โก๊ะ”
“แล้วเดินยังไงถึงลื่นหกล้มหัวแตก”
“ฉันไม่ได้ลื่น” กอหญ้านึกได้ ชะงัก
“อะไรนะ”
“เปล่าค่ะ”
“เปล่าอะไร ตะกี๊เธอกำลังจะพูดอะไร เธอพูดว่าไม่ได้ลื่น ใช่ไหม”
กอหญ้าเอามือปิดปาก ส่ายหน้า อิศรยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ จ้องตา
“จะพูดอะไร พูดมา อย่ามาทำเป็นลับลมคมนัย”
กอหญ้า ส่ายหน้า ทำเสียงปฏิเสธ
“พูดมาซะดีๆ ไม่งั้น ...” อิศรคิดๆ ว่าจะทำอะไรดี แล้วนึกได้ “ไม่งั้น ฉันจะจูบเธอ”
กอหญ้า ตกใจ เผลอเอามือออกจากปาก ร้องลั่น “ห๊ะ”
อิศรจับมือกอหญ้าไว้ จ้องตา ทำหน้าเอาจริง
“จะพูดไหม” เห็นกอหญ้านิ่งอิศรบอกต่อ “ฉันจูบจริงๆ นะ หนึ่ง...” ยื่นหน้าชิดเข้าไปอีก “สอง...”

กอหญ้าใจสั่น รู้ว่าอิศรเอาจริง ถ้าตนไม่ยอมพูด
ช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น จู่ๆ มีเสียงประตูเปิดเข้ามา อิศรผละออก นภดาราเดินเข้ามาในห้อง แม่ชื่นถือกระเช้าดอกไม้ตามมาด้วย

กอหญ้า ดีใจมา “คุณอานภดารา”
“กอหญ้า ฉันมาเยี่ยมหนูจ้ะ ไม่ทราบว่ามารบกวน...” นภดาราเอ่ยทักทาย มองไปทางอิศร
อิศรรีบบอก “ไม่รบกวนครับ .. เชิญครับ คุณอา เชิญ”
แม่ชื่นกับนภดาราอมยิ้ม มองอย่างรู้ทัน อิศรยิ้มเขิน
แม่ชื่นวางดอกไม้เยี่ยมไว้ตรงโต๊ะที่ข้างเตียง
“คุณชายนภัสรพีให้ป้าเอาดอกไม้มาเยี่ยมคุณค่ะ”
กอหญ้ายกมือไหว้ “ฝากเรียนท่านด้วยนะคะ คุณป้า ว่าหนูขอบพระคุณมาก ความจริงท่านไม่น่าต้องลำบากเลย”
“ไม่ลำบากหรอกจ้ะ เท่านี้มันเทียบไม่ได้เลย กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหนู” นภดาราขยับเข้ามากุมมือกอหญ้า พูดจริงจัง “พวกเราทุกคนเสียใจมากนะจ๊ะ ที่เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในบ้านของเรา แล้วทำให้หนูต้องมาเจ็บตัวแบบนี้”
อิศรที่ฟังอยู่ เอะใจขึ้นมา
“คุณอาหมายความว่ายังไงครับ” อิศรเห็นนภดาราหน้าจ๋อย เดาเรื่องได้ เอะอะเสียงดัง “ที่กอหญ้าเป็นแบบนี้ ไม่ใช่อุบัติเหตุใช่ไหม”
กอหญ้าทำหน้าตกใจที่ความลับแตก อิศรยิ่งโมโห
“นี่ใช่ไหม กอหญ้า เรื่องที่เธอไม่ยอมบอกฉัน มีคนทำร้ายเธอใช่ไหมมันเป็นใคร” กอหญ้าไม่พูด อิศรหันไปใส่นภดารา “คุณอาครับ มันเป็นใคร”
นภดาราพูดบอกเสียงอ่อย “พเยีย ลูกสาวของอาเองจ้ะ อิศร พเยียแกเกิดน้อยเนื้อต่ำใจยังไงขึ้นมาไม่ทราบ แกเลยไปลงเอากับหนูกอหญ้า”
อิศรโกรธจัด กอหญ้ารีบไกล่เกลี่ย
“เรื่องแค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
อิศรเสียงขุ่น ฉุนขาด “หัวแตกจนต้องเข้าโรงพยาบาลเนี่ยนะ ไม่เป็นไร”
“ที่แตกมันก็หัวฉัน ฉันบอกว่าไม่เป็นไร แล้วคุณจะโวยวายทำไม”
อิศรมองกอหญ้า อยากจะซัดซักที หมั่นไส้และโมโห ที่กอหญ้าไม่เข้าใจความห่วงใยของเขา นภดาราพูดอย่างอ่อนโยน
“อาและทุกคนที่วังก็เสียใจมากนะจ๊ะ อิศร ที่อามาที่นี่ เพราะอยากจะขอโทษหนูกอหญ้าด้วยตัวของอาเอง”
“ครับ” อิศรเมินหน้า อารมณ์ยังขุ่นมัวพูดประชด “ขอโทษก็ง่ายดี”
กอหญ้ามองอิศรอย่างอ่อนใจ นภดาราหน้าเสีย แม่ชื่นที่ยืนฟังอยู่ห่างๆ เสริมขึ้นมานิ่มๆ
“ที่คุณอิศรพูดก็ถูกค่ะ หนูกอหญ้าเจ็บขนาดนี้ แค่คำขอโทษคงไม่พอ แต่ที่คุณดารามาวันนี้ ไม่ใช่แค่มาขอโทษ แต่มาขอไถ่โทษ”
นภดาราหันมาพูดกับกอหญ้า “ฉันยินดีทำทุกอย่าง หนูว่ามาเลยจ้ะ ว่าฉันต้องทำยังไงหนูถึงจะหายโกรธ ยอมยกโทษให้พเยีย”
“หนูไม่โกรธหรอกค่ะ คุณบอกคุณพเยียได้เลย ว่าหนูยกโทษให้ แล้วถ้าหากว่าหนูเคยทำอะไรให้คุณพเยียไม่พอใจ ก็ขอให้คุณพเยียยกโทษให้หนูด้วย จะได้จบกันแค่นี้…ดีไหมคะ”
ทั้งนภดาราและชื่นได้ยิน ยิ่งชื่นชมความดีของกอหญ้า
“โถ แม่คุณ น่ารักอะไรอย่างนี้” หญิงชรายิ้มปลื้ม
“ขอบใจหนูมากนะจ๊ะ กอหญ้า”
ทุกคนยิ้มให้กัน ยกเว้นอิศร ที่พูดขัดคอขึ้นมา น้ำเสียงจริงจัง
“แต่ในฐานะที่ผมเป็นคนดูแลกอหญ้า ผมอยากจะขออะไรซักอย่าง”
นภดาราถามทันที “อิศรจะขออะไรจ๊ะ”
“นับจากนี้ไป กอหญ้าจะไม่ไปที่วังศิวาลัยอีก ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรผมไม่ต้องการให้กอหญ้าพบกับคุณพเยียอีกเลย ตกลงนะครับ”
นภดาราอึ้งๆ แล้วจำใจพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ

บนถนนบรรยาสวยร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ รถของนภดาราแล่นไป ในรถนภดารานั่งเศร้า แม่ชื่นปลอบโยนอยู่ข้างๆ
“คุณหนูพเยียทำหนูกอหญ้าเจ็บขนาดนั้น คุณอิศรเธอก็ต้องกลัวเป็น ธรรมดาล่ะค่ะ”
“ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าเด็กสองคนนี้เค้ามีเรื่องอะไรกัน ลำพังแค่หวงแม่พเยียไม่น่าทำรุนแรงขนาดนั้น”
แม่ชื่นออกความเห็น “ดูท่าหนูกอหญ้าเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าคุณพเยียโกรธเธอเรื่องอะไร
ก็คงมีคุณพเยียคนเดียวล่ะค่ะ ที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
นภดาราเหนื่อยล้าอ่อนอกอ่อนใจ
“ฉันถามเค้าได้ที่ไหนล่ะ โทร.ไปหาตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ก็ไม่รับสายฝากข้อความไว้ก็ไม่โทร.กลับ” นภดาราน้ำตาซึม “บาปกรรมมีจริงนะคะ แม่ชื่น ตอนลูกเด็กๆ ฉันทอดทิ้งเค้า ทำให้เค้าเสียใจ ตอนนี้ฉันเลยต้องมาชดใช้ ต้องมาเสียใจกับสิ่งที่ลูกทำ”
นภดาราร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น
“โถ คุณ”
แม่ชื่นสงสารนัก ลูบหลังลูบไหล่ปลอบ
นภดาราเครียดขึ้นมาอีก “ฉันคิดว่าถ้าได้ลูกกลับมาแล้วจะมีแต่ความสุข ไม่นึกเลยว่าจะเป็นแบบนี้...” หอบหายใจแรง ถี่กระชั้นขึ้น อาการกำเริบ
แม่ชื่นเห็นอาการของนภดารา ก็ตกใจ
“ว้าย คุณ” หญิงชราลนลาน “ทำใจดีๆ นะคะ” ค้นกระเป๋าวุ่นวาย “ยา ยาอยู่ไหน”
แม่ชื่นเจอขวดยา งกๆ เงิ่นๆ เทยาที่เหลืออยู่เม็ดเดียวออกมา รถสะเทือน ยาเม็ดเล็กตกกระเด็นไปใต้เบาะ แม่ชื่นยิ่งลนลานหนัก หันไปเร่งคนขับรถเสียงสั่น
“วิชัย คุณดาราอาการกำเริบอีกแล้ว ขับรถกลับวังให้เร็วที่สุด”
“ครับ”
วิชัยเร่งความเร็วขึ้น แต่ยังไม่ทันใจแม่ชื่น มองนภดาราหายใจถี่ หน้าซีดเผือด หญิงชราบีบนวดมือท่าทีลนลาน กังวลหนัก

ทางด้านพเยียเปิดประตูรถ โยนถุงช้อปปิ้ง 2-3 ถุงที่ซื้อแก้เซ็งเข้าไปข้างใน แล้วลงไปนั่งที่นั่งคนขับ พเยียนิ่งคิด เซ็ง ถอนใจ
“กลับไปถึงวัง คงโดนหนักแน่ ..เอายังไงดีวะ”
พเยียคิดไปคิดมา จู่ๆ โทรศัพท์ดังขึ้น เป็นเบอร์ “วังศิวาลัย” พเยียนิ่วหน้า
“เบอร์ที่วัง ไม่ใช่เบอร์คุณแม่...ใคร...โทร.มาทำไม”
พเยียกดวาง โทรศัพท์ดังขึ้นอีก พเยียเริ่มหงุดหงิด
“เอ๊า ยังจะโทร.มาอีก อะไรกันนักหนา” พเยียกดรับสายเสียงขุ่น “ฮัลโหล”
นภาจรีอยู่ที่ห้องโถงวังศิวาลัย พูดสาย หน้าตาบึ้งตึง เสียงขุ่นเขียว
“เธออยู่ที่ไหน แม่พเยีย กลับมาที่ศิวาลัยเดี๋ยวนี้”
พเยียไม่พอใจ “มีธุระอะไรคะ”
“ฉันน่ะไม่มีธุระอะไรกับเธอหรอกย่ะ แต่นภดาราเขาไม่สบายมาก เขาเรียกหาเธอ”
พเยียแปลกใจ “คุณแม่ไม่สบาย! เป็นอะไรคะ!”
นภาจรีพูดประชด “คงตรอมใจเพราะมีลูกอย่างเธอล่ะมั้ง จะอะไรเสียอีก” นภาจรีบ่นอย่างลืมตัว “นี่เห็นแก่นภดาราหรอกนะ ฉันถึงโทร.มาตามเธอกลับไม่งั้นล่ะก็ จะไสหัวไปไหนก็ไปเถอะ ไปแล้วไปลับ ไม่กลับมาเลยยิ่งดี”
นภาจรีพูดจบก็กระแทกหูโครม พเยียยิ่งโมโห
“อีนังบ้า ด่าดีนัก เดี๋ยวไม่กลับซะเลยนี่ ปล่อยให้หลานแกชักตายไปเลย”
พเยียพูดจบ ก็ได้คิดอะไรขึ้นมา ตาวาววับ แล้วค่อยๆ ยิ้มออกมา
“จริงสิ ถ้าเราไม่กลับไป คุณแม่อาจจะเสียใจจนเป็นอะไรไปก็ได้...ไม่มีเราซะคน หม่อมหลวงนภดาราจะอยู่ต่อไปได้ยังไง”

พเยียยิ้มร้าย เห็นทางออกที่จะต่อสู้กับนภัสรพีและนภาจรีแล้ว
ที่ลานจอดรถของห้าง พเยียนั่งยิ้มอยู่ในรถ ก่อนจะสตาร์ทเครื่อง แล้วถอยออกจากที่จอด นพดลอยู่ที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง แอบมองอยู่อย่างจับสังเกต

“ขับรถคันละเป็นล้าน เสื้อผ้าของใช้แบรนด์เนมทั้งตัว พเยียมันไปขุดทองที่ไหนมา”
รถพเยียแล่นออกไป นพดลมองตาม แววตาเป็นประกาย มีจุดมุ่งหมาย

ฝ่ายชิษณุพงษ์นั่งโหลดภาพถ่ายจากโทรศัพท์มือถือลงไอแพด แตงยกเครื่องดื่มมาให้ แล้วนั่งแปะลงข้างๆ ชะโงกหน้าดู
“ตกลงเจออะไรมั่งไหม คุณณุ”
ชิษณุพงษ์ตอบโดยไม่เงยหน้ามามอง “ยังเลย”
ชิษณุพงษ์ตั้งใจอ่านไปตามหน้าต่างๆ ไปจนถึงหน้าที่เป็นหน้าแรก
“วันที่ 6 กอหญ้าถูกส่งเข้ามาที่โรงพยาบาล อุบัติเหตุรถคว่ำ”
ชิษณุพงศ์อ่านตัวอักษรยิบๆ ในจอ แล้วเกิดปวดตา สายตาเริ่มพร่า
แตงเห็นชิษณุพงษ์กระพริบตาถี่ๆ “เป็นอะไร คุณณุ”
“เปล่า” ชิษณุพงษ์พยายามเพ่งมองจอ “แค่ตาพร่าๆ”
แตงตกใจ “ตายแล้ว แตงลืม” กระชากไอแพดมา “ลุงเติมบอกว่าไม่ให้คุณณุใช้สายตามากๆ นี่นา หยุดก่อนดีกว่า”
“เอาคืนมานี่ ฉันจะดู”
แตงส่ายหน้า “แตงดูให้”
ชิษณุพงษ์ถาม “ภาษาอังกฤษทั้งนั้น อ่านออกเหรอ”
แตงเชิดใส่ ยกไอแพดขึ้นมา ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จอคอมพิวเตอร์ พยายามอ่าน
“ออกซี” แตงพยายามอ่าน “ที” แต่อ่านไม่ออก “ที อาร์ เอ ยู ...แมติก แล้วก็เบรน อินเจอรี่”
ในรายงานเขียนว่า Traumatic brain injury
ชิษณุพงษ์อ่านให้ แล้วถาม “โทรมาติก เบรน อินเจอรี่ อาการบาดเจ็บที่สมอง แล้วมีอะไรอีก”
“คำนี้แตงก็ไม่รู้จัก แอม .. แอมอะไรหว่า” แตงเลิกพยายาม หันมาสะกดคำให้ชิษณุพงษ์ฟัง “เอ เอ็ม เอ็น อี เอส ไอ เอ”
ชิษณุพงศ์ท่องตาม “เอ เอ็ม เอ็น อี เอส ไอ เอ” แล้วตกใจ “อะไรนะ ไหนฉันดูซิ”
ชิษณุพงษ์คว้าไอแพดคืนมา ก้มลงไปดูที่หน้าจอ เห็นคำว่า Amnesia Retroflexed ก็ตกตะลึง พึมพำกับตัวเอง
“มิน่าเล่า อย่างนี้นี่เอง”
แตงงง อยากรู้ “คุณณุ ตกลงมันแปลว่าอะไร บอกมั่งซี”
ชิษณุพงษ์อธิบาย “แอมนีเชีย แปลว่า ความจำเสื่อม...ที่กอหญ้าจำฉันไม่ได้ เพราะเค้าบาดเจ็บที่สมองจนความจำเสื่อมน่ะ แตง”

ไม่นานต่อมา ลุงเติมอยู่ที่ใต้ถุนบ้านที่เชียงใหม่ กำลังตรวจดูคุณภาพไข่ของตัวไหม คุยโทรศัพท์ไปด้วย
“ไหมล่ะ ลุงว่าแล้ว มันต้องมีอะไรแน่ๆ เพราะอย่างนี้นี่เองหนูกอหญ้าถึงจำคุณชิษณุไม่ได้”
“คนที่ชื่ออิศร เค้าตั้งใจจะปิดเรา เค้าไม่ยอมบอกใครว่ากอหญ้าความจำเสื่อม ผมว่าเค้าต้องมีเจตนาไม่ดีแน่ๆ” ชิษณุพงษ์มั่นใจ

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 5 วันที่ 20 ก.พ. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager.co.th