อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 3/4 วันที่ 17 ก.พ. 56

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 3/4 วันที่ 17 ก.พ. 56

กอหญ้าภาวนาเสร็จ ได้ยินเสียงฝีเท้า เลยหันมายิ้มให้ คิดว่าเป็นอิศร แต่พอเห็นเป็นชิษณุพงษ์ ก็จำได้ รอยยิ้มจางลง
“คุณ...”
ชิษณุพงษ์เรียกอย่างลังเล “กอหญ้า”
กอหญ้าลุกขึ้นยืน ท่าทีงงๆ “คุณรู้จักดิฉันเหรอคะ”
ชิษณุพงษ์ชะงัก แปลกใจกับคำถาม “เธอคือกอหญ้าหรือเปล่า”
“ค่ะ ฉันชื่อกอหญ้า”

ชิษณุพงษ์สวนขึ้นมาอย่างแปลกใจ “แล้วทำไมเธอจำฉันไม่ได้ หรือว่าเธอไม่ใช่กอหญ้าคนเดิมแล้ว”
“ขอโทษนะคะ ฉันจำใครไม่ได้หรอกค่ะ เพราะว่าฉัน...”


กอหญ้ายังพูดไม่จบ อิศรก็กลับเข้ามาขัดจังหวะพอดี
อิศรเรียกเสียงดัง “กอหญ้า”
ทั้งสองหันไปมอง เห็นอิศรรีบเดินเข้ามาจับแขนกอหญ้าอย่างปกป้อง หวงแหน
“คุณมาวุ่นวายอะไรกับแฟนผม”
ชิษณุพงษ์มองกอหญ้ากับอิศรพูดขึ้นมาอย่างน้อยใจ “เพราะเขาใช่ไหม เธอถึงได้ทำเป็นลืมฉัน”
“ไม่ใช่นะคะ คือว่าฉัน...”
กอหญ้าจะอธิบาย แต่ถูกอิศรพูดขัดขึ้นมา “กอหญ้าไม่เคยรู้จักคุณ แล้วก็ไม่อยากจะรู้จักด้วย ไป กอหญ้า”
อิศรดึงแขนกอหญ้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ชิษณุพงษ์มองตาม อึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วนึกอะไรได้ วิ่งตามไป

ชิษณุพงษ์วิ่งตามอิศรกับกอหญ้าออกมาที่หน้าโบสถ์
“เดี๋ยวก่อน หยุดก่อน”
อิศรไม่หยุด ชิษณุพงษ์วิ่งไปขวางทั้งคู่เอาไว้
“เดี๋ยวก่อน กอหญ้า”
อิศรโมโห “อะไรของคุณ”
ชิษณุพงษ์ไม่ตอบ เข้าไปคว้ามือข้างขวาของกอหญ้ามา กอหญ้าตกใจร้องลั่น
“ว้าย”
อิศรชักโกรธ “เฮ้ย”
อิศรกระชากตัวชิษณุพงษ์ แล้วผลักออกไป ก่อนจะพากอหญ้าวิ่งไปที่รถที่จอดรถอยู่หน้าโบสถ์ ชิษณุพงษ์ตั้งหลักได้ วิ่งตามไป ดึงแขนกอหญ้าไว้อีก
“กอหญ้า”
กอหญ้าตกใจ สะบัดมือสุดแรง “ปล่อยฉันนะ”
ชิษณุพงษ์ไม่ปล่อย อิศรถลันเข้ามาต่อยโครม
“ปล่อยแฟนฉันเดี๋ยวนี้”
ชิษณุพงษ์เซไป พอดีลุงเติมวิ่งเข้ามาเห็นก็ตกใจ
“คุณชิษณุ” ชายชราเข้ามาประคองชิษณุพงษ์ “อะไรกันครับ”
“เขาจะทำร้ายฉัน” กอหญ้าบอก
ลุงเติมหันมอง เห็นกอหญ้า ชะงัก

“หนูกอหญ้า”
ชิษณุพงษ์กับลุงเติมคุยกันมา ทั้งสองต่างแปลกใจ

“คุณเชื่อตาคนแก่สิเอ้า นั่นน่ะมันหนูกอหญ้าของเราชัดๆ รูปร่างหน้าตาหยั่งกับโขลกออกมาจากพิมพ์เดียวกัน” ลุงเติมบอกอย่างมั่นใจ
“แล้วทำไมเค้าไม่ยอมรับ ทำไมต้องทำเป็นไม่รู้จักเราด้วย”
“ก็นั่นน่ะซีครับ... เออ รึว่าหนูกอหญ้าแกกลัวผู้ชายคนนั้นจะหึง ท่าทางร้ายเอาเรื่องอยู่นะครับนั่น” ลุงเติมหมายถึงอิศร
“ไม่! กอหญ้าไม่ใช่คนแบบนั้น...ฉันว่าเค้าคงต้องมีความจำเป็นอะไรบางอย่าง” ชิษณุพงษ์ใคร่ครวญครุ่นคิด “คุณอิศรคนนั้นก็ท่าทางมีพิรุธ ฉันว่าเค้าสองคนต้องกำลังปิดบังอะไรเรา”
ชิษณุพงษ์มั่นใจ คิดว่าจะหาทางพิสูจน์ความจริงให้ได้

รถของอิศรแล่นเข้าจอดที่หน้าบ้าน อิศรดับเครื่อง แล้วหันมองกอหญ้าที่นั่งนิ่ง ใช้ความคิด
“เป็นอะไร” กอหญ้าเหลือบตามอง “นั่งเงียบมาตลอดทางเลย”
“เขารู้จักฉัน ฉันเชื่อว่าผู้ชายสองคนนั้น เค้าเคยรู้จักฉันจริงๆ”
“ใช่” อิศรยอมรับ
“อ้าว! คุณก็เชื่อเค้า แล้วทำไมคุณโกหก ทำไมคุณไม่ยอมให้เค้าพูดกับฉันล่ะคะ”
“ฉันไม่ไว้ใจ เค้ามาเจอเธอที่โบสถ์ได้ แปลว่าเค้าต้องสะกดรอยตามเธอมา ถ้าเป็นแค่เพื่อนกัน ทำไมต้องทำขนาดนั้น เค้าอาจจะเป็นคนที่ตีหัวเธอ คิดฆ่าเธอก็ได้” อิศรไปโน่น
กอหญ้าหวั่นๆ แต่ก็พยายามมองโลกในแง่ดี “ท่าทางเค้าก็เป็นคนดีนะ”
“อ๋อ เห็นมันหล่อ” อิศรแขวะ กอหญ้าค้อนขวับ “นี่จะบอกให้นะ คนร้ายที่หน้าตาดีๆ มีเยอะแยะไป”
“อย่างคุณ?” กอหญ้าเย้า
อิศรเอานิ้วดีดปากกอหญ้า “นี่แน่ะ” ชายหนุ่มพูดจริงจัง “จำไว้นะ กอหญ้า ระหว่างที่เธอยังจำอะไรไม่ได้ ยังไม่รู้ว่าคนที่ทำร้ายเธอเป็นใคร ห้ามบอกใครทั้งนั้น ว่าเธอคือกอหญ้าจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เชียงใหม่ โอเค้”
กอหญ้าเห็นความห่วงใยในสายตาของอิศร เลยพยักหน้า

อิศรพากอหญ้าเดินเข้ามาด้านใน พรรออยู่ หน้าตาตื่นเต้น
“มีอะไร พร”
“คุณสกุณาให้มาเชิญค่ะ”
อิศรนิ่วหน้า ทำท่าจะปฏิเสธ พรรีบบอก
“มีแขกมารอพบคุณกอหญ้าค่ะ แขกสำคัญ”
อิศรกับกอหญ้ามองหน้ากัน แปลกใจ

อิศรพากอหญ้าเดินเข้ามา เห็นสกุณานั่งอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่หันหลังอยู่ พอสกุณาเห็นทั้งสองเข้ามา รีบลุกขึ้นยืน
“อุ๊ย มากันแล้วค่ะ”
หญิงนั้นลุกขึ้น หันมา เธอคือนภดารา
“คุณ” กอหญ้ายกมือไหว้อย่างแปลกใจ
“ฉันเองจ้ะ กอหญ้า”
กอหญ้า แปลกใจไม่หาย “คุณมาหาหนูเหรอคะ”
สกุณาชิงพูด เสียงตำหนิ “คุณดาราเธอมารอตั้งนาน”
นภดาราเดินเข้าจูงกอหญ้ามานั่งข้างๆ อย่างรักใคร่สนิทใจ
“อย่าไปตำหนิแกเลยค่ะ ฉันผิดเองที่ไม่ได้นัดไว้ล่วงหน้า” นภดาราพูดกับกอหญ้า “ฉันมีเรื่องจะมาขอร้องหนูน่ะจ้ะ”

กอหญ้าฟังแล้วรู้สึกแปลกใจมาก
“จะให้หนูไปเรียนการเรือนกับคุณพเยียเหรอคะ”
“จ้ะ” นภดารายิ้ม แต่เห็นกอหญ้าหน้าตากังวลก็รีบอธิบาย “เรียนทำขนม ทำอาหาร ทำงานฝีมืออะไรพวกนี้น่ะจ้ะ สนุกๆ ไม่ได้เคร่งเครียดอะไร”
อิศรรู้ดีว่ากอหญ้ากลัวพเยีย เลยช่วยปฏิเสธอย่างสุภาพ
“เอ่อ ผมเกรงว่ากอหญ้าคงจะไม่สะดวกน่ะครับ
สกุณาเสียงหวาน แต่ร้าย “ทำไมล่ะคะ คุณอิศร วันๆ น้าก็เห็นแม่กอหญ้าได้แต่กินๆ นอนๆ ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรอยู่แล้วนี่คะ”
กอหญ้าหน้าเจื่อน ละอายใจ อิศรทำหน้าเหมือนอยากจะสวนกลับแรงๆ แต่ไม่กล้า เพราะเกรงใจนภดารา
นภดาราเองก็รู้สึกได้ว่าสกุณาไม่ชอบกอหญ้า
“ไปเถอะนะจ๊ะ ไปหาอะไรทำสนุกๆ ที่บ้านฉัน” นภดาราพูดแดกดันสกุณานิ่มๆ “ยังไงก็น่าจะสบายใจดีกว่าอยู่ที่บ้านนี้นะ”
กอหญ้า พยักหน้า เห็นด้วย “ค่ะ”
นภดาราเอื้อมมือไปกุมมือกอหญ้า บีบอย่างเห็นใจ กอหญ้ายิ้มรับ รู้สึกรักผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน

กอหญ้าเดินมาส่งนภดาราที่รถ ที่จอดรออยู่หน้าบ้าน นภดาราชวนคุย ดูออกว่ากอหญ้ามีปัญหา
“หนูอยู่ที่นี่ ท่าทางไม่คงค่อยมีความสุขนัก”
“ค่ะ คุณพ่อคุณอิศรกับคุณสกุณาเขาไม่ค่อยชอบที่หนู” กอหญ้าจะพูดว่าเป็นเด็กกำพร้า แต่นึกถึงคำเตือนของอิศร เลยไม่พูดเปลี่ยนเป็น “หนูจน”
“ถ้าหนูลำบากใจ ขอให้จำไว้นะว่าประตูของวังศิวาลัย จะเปิดต้อนรับหนูเสมอ”
กอหญ้า ไหว้ “ขอบคุณค่ะ”
“ฉันไปก่อนล่ะ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะให้รถมารับเธอแต่เช้า”
นภดาราขึ้นรถไป อิศรเดินออกมาสมทบ
“ท่าทางคุณอาดาราจะชอบเธอมาก”
“ฉันก็ชอบท่านค่ะ ท่านใจดี แล้วก็น่ารักเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ว่าคนน่ารักอย่างนี้ จะมีลูกอารมณ์ร้ายเหมือนคุณหนูพเยีย”

อา....กอหญ้าไม่รู้สักนิดว่า ผู้หญิงที่ตนรักอย่างสนิทใจนี้ คือแม่บังเกิดเกล้าของเธอนั่นเอง
กอหญ้าอึ้ง ที่ชายชราเรียกตนอย่างคุ้นเคย หันมองหน้าอิศรอย่างแปลกใจ ชิษณุพงษ์ลุกขึ้นมาถามลุงเติม

“เค้าคือกอหญ้าใช่ไหมลุง” ลุงเติมพยักหน้า “บอกเค้าซี ว่าเค้าคือกอหญ้า เพื่อนของผม”
ลุงเติมหันกลับมาถามกอหญ้า “หนูกับคุณชิษณุเป็นเพื่อนกัน ตอนที่หนูอยู่เชียงใหม่ จำไม่ได้เหรอ”
กอหญ้าอึ้งที่มีคนรู้จักเธอจริงๆ อิศรโวยวายกลบเกลื่อน
“แฟนผมไม่เคยอยู่เชียงใหม่ เค้าไม่เคยรู้จักพวกคุณ”
กอหญ้าเหวอ มองหน้าอิศรอย่างงงๆ ไม่เข้าใจ ว่าทำไมพูดอย่างนั้น
“แต่นี่มันหนูกอหญ้าชัดๆ” ลุงเติมเถียง
อิศรขึ้นเสียง “ไม่ใช่”
“กอหญ้าเพื่อนผม ที่นิ้วนางข้างขวาของเค้า จะมีแหวนใส่ไว้ตลอดเวลา แหวนที่เป็นรูปดาว” ชิษณุพงษ์นึกได้
กอหญ้ามองหน้าอิศรอีกเป็นเชิงถาม อิศรยิ้มเยาะ แล้วยกมือขวาของกอหญ้าขึ้นมา
ชิษณุพงษ์มองเห็นที่นิ้วว่างเปล่า
“กอหญ้าของฉัน ไม่เคยมีแหวนแบบนั้น เค้าไม่ใช่กอหญ้าของคุณ เลิกมายุ่งกับเค้าได้แล้ว” อิศรหันมาทางกอหญ้า “ไป กอหญ้า”
อิศรดึงแขนกอหญ้าไปขึ้นรถ แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว

ชิษณุพงษ์มองตาม รู้สึกสับสนและ เสียใจ

พเยียเดินฮัมเพลงสบายใจออกมาจากห้อง แต่งตัวสวยจะไปช้อปปิ้งเดินลงมา ส่วนชั้นล่าง ตรงห้องโถงเสียงโทรศัพท์ดัง ศรีเดินมารับ

“สวัสดีค่ะ วังศิวาลัยค่ะ”
แม่ชื่นเดินมาพอดี หยุดฟัง
“คุณหนูพเยียเหรอคะ ค่ะ ซักครู่นะคะ”
พเยียเดินผิวปากลงมาพอดี ศรีรีบเข้าไปหา
“คุณหนูคะ มีโทรศัพท์มาค่ะ คุณชิษณุพงษ์จะเรียนสายด้วย”
พเยียชะงัก “ชิษณุพงษ์! .. บอกไปว่าฉันไม่อยู่”
ศรีเหวอ แม่ชื่นเข้ามาได้ยินพอดี
“ไม่ได้หรอกค่ะ อยู่จะให้บอกว่าไม่อยู่ได้ยังไง”
พเยียมองชื่นอย่างเกลียดชัง
“อย่า...” ทำปาก ไม่มีเสียง “เสือก” แล้วสั่งเสียงดัง “ศรี ไปสั่งคนรถให้เอารถออก ฉันจะไปช้อปปิ้ง”

ศรีลนลานวิ่งออกไป แม่ชื่นคว้าหูโทรศัพท์ เดินเข้ามาหา หน้าตาเอาเรื่อง
แม่ชื่นรับสาย “คุณหนูพเยียอยู่ค่ะ กำลังจะออกไปข้างนอก” พลางหันมาพูดกับพเยีย “ถ้าคุณเสียมารยาทแบบนี้ ฉันจะฟ้องคุณชาย” แล้วส่งโทรศัพท์ให้ “เชิญค่ะ”
พเยียจำใจรับมา หน้าตาโกรธจัด กระแทกเสียงใส่ชิษณุพงษ์
“มีอะไร” พเยียฟัง แล้วกรี๊ดใส่ “ไม่ต้องมา ฉันไม่อยากเจอแก ฉันไม่คุย ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น ก็บอกแล้วไง ฉันไม่รู้จักมัน แค่นี้นะ”
พเยียกดตัดสาย ปาโทรศัพท์ใส่ชื่น แล้วเดินโครมๆ ออกไป
ชื่นมองตามอย่างสงสัย

ครู่ต่อมาที่มุมหนึ่งในสวนสวยของวังศิวาลัย นภาจรีกำลังแปรงขน เสริมสวยให้น้องหมาปุยฝ้าย ระหว่างที่ชื่นมาเล่าเรื่องพเยียให้ฟัง
ฟังแล้วนภาจรีรู้สึกแปลกใจ “ชิษณุมีอะไรอยากคุยกับแม่พเยีย”
“ถ้าชื่นเดาไม่ผิด น่าจะเป็นเรื่องคนที่ชื่อกอหญ้า”
นภาจรีฉงน “กอหญ้า? ใครกัน”
“ชื่นก็ไม่แน่ใจค่ะ คุ้นๆ ว่าจะเป็นใครซักคน ที่มาด้วยกันจากเชียงใหม่”
นภาจรีใช้ความคิด ทวนชื่อ
“กอหญ้า ชื่อคุ้นจริง เหมือนเคยได้ยินที่ไหน” แล้วนึกได้ “คนที่ตำรวจเค้ามาตามหาไง แม่ชื่น คนที่เค้าบอกว่านั่งรถมาด้วยกัน แต่หายตัวไปน่ะ”
“นั่นล่ะค่ะๆ ชื่นเห็นคุณชิษณุตามเซ้าซี้คุณพเยียตั้งแต่วันงานเลี้ยงแล้ว แล้วอย่าหาว่าชื่นอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะคะ คุณหญิง ท่าทางคุณหนูพเยียแปลกๆ ดูไม่ค่อยอยากพูดกับคุณชิษณุเท่าไหร่ เอาแต่หนีท่าเดียวเลย”
นภาจรีหันมองหน้าแม่ชื่น ตาวาว แล้วอุ้มปุยฝ้ายลุกขึ้นทันที
“ต่อโทรศัพท์ไปบ้านเจ้าแสงโชติให้ฉันที แม่ชื่น”
ชื่นสงสัย “คุณหญิงจะพูดกับใครคะ”
นภาจรียิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์ “จะว่าไป ฉันกับแสงโชติก็เป็นญาติสนิทกัน ฉันจะคิดถึง อยากจะคุยกับหลานชายบ้างไม่ได้หรือไง”

แม่ชื่นรู้เรื่องและเข้าใจทันที นภาจรียิ้มสะใจ
คืนนั้นที่ห้องทำงานของอิศร ภายในบ้านอดิศวร สุบรรณ เลขาจอมทะเล้นหอบเอาสัญญาซื้อขายที่ดินปึกใหญ่มาให้อิศรเซ็น

อิศรก้มหน้าก้มตาเซ็นตรงที่สุบรรณทำเครื่องหมายทีละหน้าๆ เซ็นไปบ่นไป
“ทำไมต้องเซ็นเยอะหยั่งงี้วะ”
“สัญญาซื้อขายที่ดินก็แบบนี้ ทุกทีไม่เห็นบ่น” สุบรรณว่าพลางมองไปด้านบน พูดล้อๆ เจ้านาย “จะรีบไปไหน มีใครรออยู่ข้างบนเหรอครับ”
อิศรด่า “ทะลึ่ง กอหญ้าเค้าบ่นปวดหัว กินยาแล้วนอนหลับไปแล้ว”
สุบรรณฟังแล้วเป็นห่วง พูดเสียงจริงจัง “ที่โดนตีหัวยังไม่หายอีกเหรอครับ”
“บางทีก็ยังมีปวดหัวบ้าง” พูดแล้วก็นึกกังวล “แต่ยังจำอะไรไม่ได้เลย”
สุบรรณล้ออีก “ก็เสร็จโจร”
“ไอ้บ้า ฉันไม่ฉวยโอกาสกับคนความจำเสื่อมหรอกโว้ย เอ้า หมดแล้ว”
อิศรผลักเอกสารคืนให้ สุบรรณหยิบเอกสารมาอีก 2-3 แผ่น
“ยังครับ เซ็นใบมอบฉันทะด้วย ผมจะได้ไปจัดการเรื่องโอนแทนคุณอิศร”
“ไม่ต้อง พรุ่งนี้ฉันไปทำเอง” สุบรรณแปลกใจ “ฉันมีธุระอย่างอื่นให้แกทำ”

ไม่นานนัก สุบรรณหอบกระเป๋าเอกสารเหมือนจะเดินหนี พุ่งตรงไปที่รถคันเล็กๆ ของตนที่จอดอยู่ อิศรวิ่งตามมา
“เฮ้ย เดี๋ยว กลับมาก่อน” อิศรมาขวางไว้ “แกจะหนีไปไหน สุบรรณ” โวยวายใส่ “ฉันขอให้แกไปเรียนทำอาหารเป็นเพื่อนกอหญ้า แกยังไม่ได้ตอบฉันเลย”
สุบรรณตอบชัดเจน ไม่เกรงใจ “ผมไม่ไป ผมไม่ชอบทำกับข้าว”
“ฉันสั่ง แกต้องไป เพราะแกเป็นลูกน้องฉัน”
“งั้นผมลาออก”
สุบรรณทุ่มกระเป๋าเอกสารใส่อิศรพลั่ก อิศรตัวงอ สุบรรณหนีไปเปิดประตูรถ อิศรเข้าไปกระชากตัวไว้ กดสุบรรณกับรถ สุบรรณร้องลั่น
“โอ๊ย ปล่อยผม คุณอิศรจะทำอะไร”
อิศรพูดจริงจัง “สุบรรณ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ แกก็รู้ กอหญ้าอยู่ในอันตราย มีคนต้องการฆ่าเค้า”
สุบรรณเถียง “ไอ้คนที่ตีหัวคุณกอหญ้าวันนั้นน่ะเหรอครับ ป่านนี้มันเผ่นไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แล้วที่แน่ๆ มันไม่ไปเรียนทำอาหารหรอกครับเจ้านาย”
“แต่ฉันสังหรณ์ใจ ว่าถ้ามันรู้ว่ากอหญ้ายังไม่ตาย มันต้องกลับมาอีกแน่แกเชื่อฉันสิ”
อิศรพูดด้วยน้ำเสียงกังวลจริงจัง จนสุบรรณพลอยกลัวไปด้วย

พเยียใส่ยีนส์ฟิตเปรี๊ยะ แต่งตัวแต่งหน้าจัดเหมือนจะออกไปข้างนอก ฉีดน้ำหอมฟุ้งทั่วตัว แล้วหยิบแหวน สร้อยข้อมือมาใส่เต็มที่ เสียงเคาะประตู พเยียชะงัก
“ใคร”
นภดาราเดินเข้ามาหา เตือนเสียงเรียบๆ ไม่ดุ
“พูดไม่มีหางเสียงเลยลูก”
พเยียชักจะเบื่อ “มีอะไรคะ คุณแม่”
นภดารามองพเยียแต่งตัว “ทำไมแต่งตัวแบบนี้จ๊ะ” เห็นพเยียนิ่ง “วันนี้หนูมีเรียนทำอาหาร ลืมไปแล้วหรือไง”
“บอกแล้วไงคะว่าไม่เรียน ไม่ชอบ”
“ไม่ได้จ้ะ ถ้าหนูอยากให้คุณตาคุณยายรัก หนูก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ท่านเห็น”
พเยียจะเถียง เห็นนภดารามองหน้า เอาจริง
“ลูกสาวของแม่ทำได้ใช่ไหมจ๊ะ”
พเยียเลยถอนใจเฮือก ถอดแหวน ถอดกำไลโยนลงบนโต๊ะแต่งตัว พลางบ่น
“เรียนอยู่ได้คนเดียว เบื่อตาย”

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 3/4 วันที่ 17 ก.พ. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager.co.th