อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 2 วันที่ 11 ก.พ. 56

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 2 วันที่ 11 ก.พ. 56

“ลูกจ๋า แม่ต่างหากที่ต้องขอโทษหนู ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ ลูกคงไม่ต้องลำบากอย่างนั้น พเยียยกโทษให้แม่นะคะ”
นภดารากอดพเยียอีก ทั้งสองกอดกันกลม
นภาจรีมองหน้านภัสรพี ขยับปากจะพูดอะไร แต่นภัสรพีส่ายหน้าปรามไว้ แม่ชื่นมองเจ้านายทั้งสอง สงสัยในเรื่องที่พเยียเล่าเหมือนกัน แต่ไม่กล้าพูดอะไร

สองคนอยู่ในห้องทำงานนภัสรพี นภาจรีโวยขึ้นมา
“ก็เมื่อวานนี้ พี่ชายบอกหญิงว่า ลูกสาวของดารามีครบทั้งสร้อยทั้งแหวนถึงได้มั่นใจว่าเป็นตัวจริง แล้วทำไมกลายเป็นแบบนี้”
นภัสรพีปราม “หญิงนภา เธออย่าเพิ่งโวยวายได้มั้ย พี่อยากคิดให้รอบคอบซะก่อน”


“พี่ชายจะคิดอะไรอีกล่ะคะ คุณปราบไม่ใช่คนเหลวไหล เรื่องสำคัญขนาดนี้ไม่มีทางผิดพลาดแน่ๆ ยัยเด็กนั่นโกหกเรานะคะ แกจะโกหกทำไม นอกจากว่าแกจะไม่ใช่ตัวจริง”
นภัสรพีพูดตัดบทอย่างคนตัดสินใจแล้ว
“พเยียจะเป็นศิวาวงศ์ที่แท้จริงหรือไม่ ไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือ เค้าทำให้ดารามีความสุข เค้าเป็นคนที่ช่วยต่อชีวิตลูกสาวของพี่”
“แต่ว่า ถ้าเด็กพเยียนี่เป็นตัวปลอม...” นภาจรีท้วง
“ตัวปลอมแล้วยังไง แค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว เลี้ยงไว้ดูเล่นก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรนี่” นภาจรีขยับปากทำท่าจะเถียง นภัสรพียกมือห้าม “พี่ทำร้ายลูกมามากพอแล้ว พี่จะไม่ทำอะไรให้แกต้องเสียใจอีก แล้วเธอ หญิงนภา ก็ไม่ควรทำเหมือนกัน”
นภาจรีท่าทางไม่เห็นด้วย แต่จำใจต้องนิ่ง

ฝ่ายนภดาราเดินนำพเยียเดินไปห้องนอน ระหว่างทางเดิน พเยียมองความโอ่อ่าอลังการของบ้านอย่างตื่นตาตื่นใจ
“สวยจังเลยค่ะ คุณแม่ขา แล้วห้องของพเยียอยู่ไหนคะ”
“ทางนี้จ้ะ ลูก”
นภดาราเปิดห้อง พเยียเห็นห้องนอนที่ตกแต่งราวกับห้องของเจ้าหญิง ก็ตาโต กระโดดเข้าไปอย่างร่าเริง
“นี่เหรอคะ ห้องหนู โอโห...”
พเยียนั่งขย่มบนเตียง อย่างสนุก ชื่นเข้ามาพร้อมชุดนอนหรูหราฟูฟ่องแบบเจ้าหญิง
“ชุดนอนของคุณหนูพเยียค่ะ”
พเยียดึงมา เอาทาบตัว อย่างตื่นเต้น
“แม่ซื้อเอาไว้ให้หนู ชอบไหมจ๊ะ”
“ชอบค่ะ ถูกใจทุกอย่างเลย”
“ของทุกอย่างในห้องนี้แม่เลือกเองกับมือทุกชิ้น” นภดาราน้ำตาจะไหล “แม่รอมาตลอด หวังมาตลอด ว่าลูกของแม่ต้องกลับมาซักวัน แล้วหนูก็กลับมาจริงๆ”
นภดาราซึ้ง เข้าไปกอดพเยียอีก พเยียเริ่มเบื่อ ชื่นแอบมอง สังเกตอาการของพเยีย
พเยียผละออก “พเยียเนื้อยเหนื่อย ขออาบน้ำนอนก่อนนะคะ คุณแม่”
“จ้ะ ลูก จ้ะ” นภดาราอดไม่ได้ ดึงมาหอมแก้มอีก “นอนหลับฝันดีนะลูกนะ”
“ค่ะ คุณแม่”
พเยียโบกมือบ๊ายบายเป็นเชิงไล่กลายๆ
แม่ชื่นเดินนำไป นภดาราไปถึงประตู แต่ก็แทบจะไม่อยากออกไป หันกลับมาอีก
“หนูนอนคนเดียวได้ไหมคะ แม่มานอนเป็นเพื่อนเอาไหม”
“มะ..ไม่ต้องค่ะ พเยียนอนคนเดียวดีกว่า” พเยียโบกมืออีก “บ๊ายบายค่ะ คุณแม่”
“ไปเถอะค่ะ คุณ” ชื่นบอก
นภดาราออกไป ประตูปิดลง พเยียกระโดดลงนอนแผ่หรากางแขนบนเตียง ร้องลั่นอย่างสุขล้น
“อ๊า...เยสๆๆๆๆๆๆ”
พเยียมองไปรอบตัว สุขเหมือนขึ้นสวรรค์
“นังพเยียเอ๊ย คิดถูกจริงจรี๊ง...นี่มันยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งเสียอีกเยสๆๆๆๆๆ”
พเยียไม่รู้ว่าที่นอกห้อง ชื่นยืนเอาหูแนบประตู ได้ยินเสียงดังออกมาแว่วๆ หญิงชราตาโต ถอนใจ ส่ายหัวเหมือนรับไม่ได้

อิศรฟุบรออยู่ที่เก้าอี้ เห็นหมอวิชาญออกมา อิศรกระโดดขึ้นทั้งตัว
“หมอ คนไข้เป็นไงมั่ง”
“พ้นขีดอันตรายแล้วล่ะ แต่โดนหนักเอาการอยู่ อีกนาน กว่าจะฟื้น”
“แน่นะ” อิศรตบไหล่ “ขอบใจมากว่ะ เพื่อน”
“เออ แต่แกบอกว่าน้องเค้าประสบอุบติเหตุรถคว่ำมาเหรอ” วิชาญถาม
“ใช่ ฉันเป็นคนช่วยเค้ามาเอง มีอะไรเหรอ”
วิชาญทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่แล้วเกิดเปลี่ยนใจ
“เปล่า แล้วไปเถอะ ว่าแต่แกเหอะ กลับไปนอนได้แล้วไป กว่าน้องเค้าจะฟื้นก็พรุ่งนี้เช้าโน่นแหละ”

อิศรเดินเข้าในห้องพักฟื้น มองดูกอหญ้าที่มีผ้าพันหัว นอนนิ่งอยู่บนเตียง อิศรมองอย่างเอ็นดู
“หลับให้สบายนะ ยัยเด็กปากเปราะ... พรุ่งนี้เช้าฉันจะกลับมาใหม่”
อิศรเอาปลายนิ้วเขี่ยจมูกกอหญ้าเล่น
“อย่าหาว่าฉันใจดำเลยนะ แต่เธอเป็นแบบนี้ น่ารักกว่าตอนดีๆ เยอะเลย... รู้ตัวไหม”
อิศรมองๆ กอหญ้า แล้วยิ้มร้ายแบบเด็กขี้โกง แล้วแอบหอมแก้มกอหญ้า
“กู้ดไนท์ เจ้าหญิงนิทรา พรุ่งนี้เจอกัน”

อิศรออกไปกอหญ้าหลับสนิท ไม่รู้เรื่องอะไร
กลางดึกคืนนั้น ในขณะที่อิศรกลับมาถึงบ้าน และเดินเข้าไปในห้องรับแขก เขาเห็นอรรถผู้เป็นบิดายืนหน้าบึ้งรออยู่

“พ่อ”
“นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว”
อิศรเหลียวไปเห็นสกุณานั่งอยู่ที่โซฟา อดแขวะไม่ได้
“อย่าบอกนะพ่อ ว่าหน้ามืดตามัวถึงขั้นไม่รู้เวล่ำเวลา”
“นี่!” อรรถโมโห พยายามข่มใจ “ฉันพูดกับแกดีๆ นะ เจ้าอิศร”
สกุณาลุกขึ้นมายืนข้างอรรถ ทำท่าเป็นแม่เลี้ยงเต็มที่
“ที่ถาม เพราะเราเป็นห่วงคุณนะคะ คุณอิศร...วันนี้ฝนตกหนัก ตัวคุณก็ชอบขับรถเร็ว คุณพ่อคุณท่านก็เป็นห่วงว่า...”
อิศรสวนคำทันควัน “ผมจะรถคว่ำตาย” พลางหันมายิ้มเยาะให้สกุณา “ยังครับ ผมไม่ตายง่ายๆ หรอก ยังไงก็ต้องอยู่ผลาญมรดกก่อน คนอื่นอย่าหวัง” หันมาทางอรรถ “วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะ พ่อ เหนื่อย...ง่วง”
อิศรเดินหนีขึ้นชั้นบนไป สกุณาหันไปเล่นงานอรรถ
“ดูลูกชายคุณพูดกับฉันสิคะ คุณอรรถ ไม่มีความเกรงใจเลย”
“ขนาดผมมันยังไม่เกรง” อรรถส่ายหัว อย่างระอา “วันหลัง คุณก็อย่าไปพูดกับมัน สกุณา ผมเองก็ไม่ไหวแล้ว ไอ้ลูกคนนี้”
อรรถเดินหนีไปอีกคน ทิ้งสกุณายืนโมโหอยู่คนเดียว
“คนยะโสโอหังอย่างคุณ มันต้องพลาดเข้าซักวัน ถึงทีของฉันเมื่อไหร่ ฉันจะเอาคืนให้สาสม คุณอิศร”

เช้าแล้ว แต่พเยียยังนอนอยู่ แสงสว่างที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้พเยียเริ่มรู้ตัว ลืมตาขึ้นมาบิดขี้เกียจ แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นนภดารานั่งมองตาแป๋วอยู่ข้างเตียง เฝ้าดูอยู่อย่างแสนรัก
พเยียลุกพรวดอย่างตกใจ
“ว้าย”
นภดาราก็ตกใจ
พเยียตวัดเสียง ไม่พอใจนิดๆ “นี่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ มาทำไม”
“แม่เข้ามาปลุกหนู เห็นว่าสายแล้ว แม่ทำให้หนูตกใจใช่ไหมคะ” นภดาราหน้าสลดลง “แม่ขอโทษนะคะ แม่ไม่ได้ตั้งใจ แม่แค่คิดถึงหนู”
พเยียไม่ซึ้งสักนิด แอบถอนใจเบื่อ มาโหมดนี้อีกแล้ว นภดารารำพันซาบซึ้ง
“แม่เห็นหน้าหนูได้วันเดียว หนูก็หายไป สิบกว่าปีที่ผ่านมา แม่คิดมาตลอดว่าหนูจะหน้าตาเป็นยังไง”
นภดาราน้ำตาคลอ มองใบหน้าของพเยีย อย่างแสนรัก พเยียมองอาการของนภดาราอย่างอ่อนใจ คิดในใจ
“ยัยนี่ท่าทางจะคิดถึงลูกจนบ้า”
“ลูกสาวของแม่น่ารักเหลือเกิน”
นภดาราจะเข้ามากอดอีก พเยียหลบ เปลี่ยนเรื่อง
“พเยียหิวจังเลยค่ะ มีอะไรกินมั่งคะ”
แม่ชื่นเปิดประตูเข้ามาพอดี มีสาวใช้ยกถาดอาหารตามมา
“อาหารเช้าของคุณหนูค่ะ”
สาวใช้เอาถาดวางให้ถึงเตียง ในถาดเป็นอาหารเช้าแบบอเมริกันหรูหราน่ากินสุดๆ พเยียยิ้มชอบใจ
“โห เหมือนในหนังเลย พเยียกินเลยนะคะ คุณแม่”
พเยียลงมือกินอย่างตะกละตะกราม ไร้มารยาท นภดารามองเอ็นดู หันไปพูดขำๆ กับชื่น
“คุณหนูคงจะหิวมากน่ะจ้ะ แม่ชื่น”
ชื่นพยักเพยิดไป “ค่ะ คงจะหิวมาก”

ในตอนกลางวันสาวใช้เดินนำตำรวจ 2 นายเดินเข้ามาในบ้าน นภัสรพีเดินออกมาต้อนรับ
“สวัสดีครับ คุณชาย”
“สวัสดีครับ สารวัตร เชิญเข้าไปดื่มกาแฟข้างในก่อนดีกว่า” นภัสรพีหันไปบอกสาวใช้ “ไปตามคุณดารากับคุณหนูลงมา บอกว่าฉันเชิญ”
“ค่ะ คุณชาย” สาวใช้เดินออกไป

นภดาราเดินจูงพเยีย ซึ่งสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ แต่เป็นเสื้อผ้าราคาถูกที่พเยียเอาติดตัวมา ตรงไปที่ห้องรับแขก แม่ชื่นเดินตามมาด้วย
นภดาราถามชื่น “คุณพ่อมีธุระอะไรกับยัยหนูหรือจ๊ะ ชื่น”
“ชื่นก็ไม่ทราบค่ะ ยังไงคุณสองคนก็รีบไปดีกว่า อย่าให้คุณชายท่านรอ”
ไม่นานนักพเยียเดินตามหลังนภดาราเข้าไปในห้องรับแขก นภัสรพีเห็น ลุกขึ้นแนะนำ
“มาแล้ว ดาราพาหลานพเยียเข้ามานี่ซิ”
พเยียมองตาม แล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นตำรวจ
“มีเรื่องอะไรกันคะ คุณพ่อ…” นภดารามองตำรวจ “ทำไม…”
“ทางตำรวจเค้าอยากจะสอบปากคำพเยีย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน” นภัสรพีว่า
พเยียรีบปฏิเสธอย่างลืมตัว “หนูไม่รู้”
นภาจรีซึ่งอยู่ด้วยสงสัย “เอ๊ะ ตัวเองอยู่ในเหตุการณ์ จะไม่รู้ได้ยังไง มานั่งนี่ แล้วเค้าถามอะไรก็ตอบไป”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พเยีย ไม่ต้องตกใจ หนูก็แค่ให้การตามความจริงเท่านั้น ไปค่ะ”

นภดาราพาพเยียเข้าไปนั่ง พเยียเสียวหลังวาบ ท่าทางไม่สบายใจ
ครู่ต่อมาทุกคนนั่งฟังพเยียเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ท่าทางเหมือนยังเสียขวัญอยู่มาก

“อยู่ดีๆ ฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงมา คุณปราบก็หักหลบอะไรซักอย่าง แล้วรถก็หมุนติ้วเลยค่ะ แล้วก็ไปกระแทกกับต้นไม้ข้างทาง…”
ตำรวจซัก “แล้วยังไงอีกครับ”
“พเยียกระเด็นออกมาจากรถ พอลุกขึ้นได้ ก็เห็นแต่...” พเยียทำท่าขนลุกขนพอง “โอ๊ย พเยียไม่เล่าได้ไหมคะ พเยียไม่อยากนึกถึงมันอีก”
ตำรวจมองพเยียอย่างเห็นใจ แล้วหันไปพูดกับนภัสรพีอย่างเกรงใจ
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่มารบกวน แต่คุณพเยียเป็นพยานคนเดียวที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ผมก็ต้องมาสอบสวนตามหน้าที่”
นภัสรพีบอก “ไม่เป็นไร ตามสบายเถอะ ผมเข้าใจ”
ตำรวจถามต่ออย่างเกรงใจ “ยังมีอีกเรื่องนึงครับ คือ ทางโบสถ์ยืนยันว่ามีเด็กสาวชื่อ กอหญ้า เดินทางมากับคุณแม่ยุพาด้วย แต่ในที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยอะไรเลย คุณพเยียทราบมั้ยครับ ว่าเธอหายไปไหน”
พเยียตกใจหลุดปาก “อะไรนะ นังกอหญ้าหายไป จะหายไปได้ยังไง”
ตำรวจดีใจ “หมายความว่าคุณกอหญ้าอยู่ในรถด้วยจริงๆ ใช่ไหมครับ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเธอครับ เธออยู่ที่ไหน”
ถูกทุกคนจับตามอง พเยียพูดตะกุกตะกัก
“คือ...เค้า...เค้า” พเยียนึกได้ “พเยียไม่ทราบค่ะ เค้าขอแวะลงข้างทาง แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปไหน”
ตำรวจซักอีก “ลงข้างทาง แถวไหนครับ”
พเยียหน้าตาอึกอัก
“พเยียไม่รู้ค่ะ นึกไม่ออก” แล้วแกล้งทำเป็นปวดหัว “โอ๊ย พเยียปวดหัวค่ะพเยียคิดอะไรไม่ออกแล้ว”
นภดารารีบกอดพเยียไว้อย่างปลอบโยน มองตำรวจเหมือนจะตำหนิ แต่พูดด้วยอย่างสุภาพ
“คุณตำรวจคะ ดิฉันว่าพอแค่นี้เถอะ ตอนนั้นพเยียแกคงขวัญเสียมากคงจะจำรายละเอียดอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้หรอกค่ะ”
ตำรวจพยักหน้าอย่างเกรงใจ นภาจรีกับนภัสรพีสบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ

เวลาเดียวกันที่ห้องพักฟื้นของกอหญ้าในโรงพยาบาล อิศรเดินไปเดินมาอยู่ข้างๆ เตียงกอหญ้า บางทีก็เดินมาชะโงกหน้าดูกอหญ้าที่เตียง เหมือนจะเร่งให้ตื่น เหมือนเด็กใจร้อนที่ไม่ชอบรออะไร อิศรเอานิ้วจิ้มๆ ที่แขนกอหญ้า เหมือนพยายามจะปลุก
“นี่ ยังไม่ยอมฟื้นอีกเหรอยัยตัวแสบ จะนอนไปถึงไหนห๊ะ”
อิศรมองกอหญ้า แต่กอหญ้านอนนิ่ง อิศรอมยิ้ม เอานิ้วเขี่ยแก้มกอหญ้าเล่นอย่างมันเขี้ยว
“ไงล่ะ หมดฤทธิ์เลยล่ะสิ”
อิศรมองกอหญ้าอย่างเผลอไผล ก่อนจะค่อยๆ ก้มลงเหมือนจะหอมแก้มกอหญ้า
จังหวะนั้นมืออีกข้างของกอหญ้ายกขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ ชกโดนหน้าอิศร โครม!
อิศรร้อง “เฮ้ย”
กอหญ้าลืมตา จะลุก แต่ปวดแผล
ร้อง “โอย”
อิศรดีใจ “กอหญ้า เธอฟื้นแล้ว”
กอหญ้าเหมือนไม่ได้ยินอิศร มัวแต่อยู่กับอาการปวดของตัวเอง
“อูย ปวดหัว”
อิศรถามอย่างห่วงใย “ปวดมากมั้ย กอหญ้า ให้เรียกพยาบาลไหม”
กอหญ้ามองหน้าอิศร มึนๆ
“ว่าไง กอหญ้า”
กอหญ้ายังงงๆ “ฉันชื่อกอหญ้าเหรอ”
อิศรขำคิกคัก “อะไรเนี่ย หัวแตกแค่เนี้ย ติงต๊องไปเลย ชื่อตัวเองยังจำไม่ได้”
กอหญ้ามองไปรอบๆ ตัว อย่างงุนงง
“ฉันอยู่ที่ไหน” กอหญ้ายกมือคลำแผลที่ศีรษะ “นี่อะไรเนี่ย”
“เธอน่ะรถคว่ำ ฉันไปเจอเข้าพอดี ก็เลยพาเธอมาที่โรงพยาบาลนี่ไง”
กอหญ้าหันมามองหน้าอิศรอย่างสงสัย
“แล้วคุณล่ะเป็นใคร ฉันรู้จักคุณด้วยเหรอ”
คราวนี้อิศรถึงกับอึ้ง เห็นท่าทีกอหญ้าถามอย่างจริงใจ เหวอไปเลย

อิศรอยู่ที่ห้องพักหมอวิชาญ เห็นมีฟิลม์เอ็กซเรย์สมองของกอหญ้าโชว์อยู่บนแผงไฟ
“ศีรษะคนไข้ถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ทำให้คนไข้เกิดอาการความจำเสื่อม”
อิศรเสริม “หมายความว่าตอนนี้เธอจำอดีตไม่ได้เลย”

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 2 วันที่ 11 ก.พ. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager.co.th