อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 1/3 วันที่ 9 ก.พ. 56

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 1/3 วันที่ 9 ก.พ. 56

“คุณแม่ยุพาบอกว่า พบคุณหนูกอหญ้าถูกวางทิ้งเอาไว้ที่หน้าโบสถ์ ในวันที่ 17 มิถุนายน 2536 ซึ่งคืนก่อนหน้านี้ คือคืนที่เกิดเหตุโรงพยาบาลแม่ออนไฟไหม้ แล้วลูกสาวของหม่อมหลวงนภดารา ศิวาวงศ์ ก็หายสาบสูญไป”
ยิ่งฟังกอหญ้าก็ยิ่งแน่ใจว่าที่ปราบพูดเป็นความจริง แต่ยังทำใจที่จะยอมรับไม่ได้ โวยใส่ปราบ
“ไม่จริง ฉันไม่ใช่คุณหนู ฉันชื่อกอหญ้า เป็นเด็กกำพร้า คุณแม่ยุพาเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เล็กจนโต ฉันไม่มีแม่ที่ไหนทั้งนั้น”

“คุณหนูยอมรับเถอะครับ คุณหนูมีทั้งล็อกเก๊ตประจำตระกูล และแหวนรูปดาวติดตัวมา คุณหนูต้องเป็นลูกของคุณนภดาราแน่ๆ”
กอหญ้าทั้งโกรธ ทั้งอัดอั้น สับสน คุณแม่ยุพาพูดกับกอหญ้าอย่างปลอบประโลม



“กอหญ้า ใจเย็นๆ แล้วฟังแม่ เรื่องที่คุณปราบเล่าให้เราฟัง ถูกต้องตรงตามเหตุผลทุกอย่าง เราคงจะปฏิเสธไม่ได้”
กอหญ้าเงียบ สีหน้าบอกความสะเทือนใจอย่างชัดเจน ยุพาแปลกใจ
“ลูกไม่ดีใจเหรอจ๊ะ ที่จะได้พบคุณแม่ที่แท้จริงของลูก”
“ไม่ค่ะ กอหญ้าไม่เคยคิดว่าตัวเองขาดแม่ กอหญ้าอยู่ที่นี่ก็มีความสุขแล้วกอหญ้าไม่ต้องการใครทั้งนั้น”
กอหญ้าวิ่งออกไปจากห้องอย่างสับสน ปราบขยับตัวจะตาม คุณแม่ยุพารั้งไว้
“ให้เวลาแกซักพักเถอะค่ะ แกคงต้องใช้เวลาทำใจ”

พเยียอยู่ในชุดเดียวกับเมื่อวาน เดินย่องเข้ามาในบริเวณโบสถ์อย่างหวาดระแวง พอได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งออกมาจากห้องทำงาน พเยียก็ตกใจ คิดว่าเป็นแม่ชีคนใดคนหนึ่งจะออกมาจากห้อง
พเยียหลบวูบ
พเยียมองไปเห็นกอหญ้าวิ่งออกมา แล้วไปคุกเข่าที่ด้านหน้าแท่น ร้องไห้
“ไม่ ไม่จริง ไม่ใช่”
พเยียมองอย่างแปลกใจ
“นังกอหญ้า? มันเป็นอะไรของมัน”
พเยียขยับจะเข้าไปหากอหญ้าด้วยความสงสัย แล้วก็ชะงักอีก เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด พเยียหลบซุ่มดูเหตุการณ์อีกครั้ง เห็นคุณแม่ยุพากับปราบเดินเงียบๆ ตรงเข้าไปหากอหญ้า
“กอหญ้า ความจริงก็คือความจริง เราหนีมันไม่ได้หรอกลูก”
กอหญ้า กลั้นสะอื้น “แต่มันอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้”
“ไม่ผิดหรอกครับเพราะล็อกเก็ตที่คุณหนูใส่อยู่ เป็นของเก่าแก่ ที่ทำขึ้นสำหรับทายาทของราชสกุลศิวาวงศ์เท่านั้น และอย่างที่ผมบอก คุณนภดารา เธอให้ติดตัวคุณหนูเอาไว้ตั้งแต่เกิด”
พเยียมองดู พึมพำ
“ล็อกเก๊ตของนังกอหญ้า แปลว่ามันมีเชื้อเจ้างั้นหรือ”
พเยียมองดูต่อ ยังไม่รู้เรื่องแหวนรูปดาว
กอหญ้าจับล็อกเก็ตที่ห้อยคออยู่ น้ำตาคลอ น้อยใจ
“ผ่านมาตั้งสิบแปดปีแล้ว มันจะมีประโยชน์อะไร”
“คุณนภดาราไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งคุณหนู ท่านตามหาลูกมาตลอด 18 ปี จนท่านล้มป่วยด้วยความตรอมใจ” ปราบบอก
“กอหญ้าจ๋า ถึงแม้ท่านจะไม่ได้เลี้ยงกอหญ้า แต่พระคุณของแม่ที่ให้กำเนิดเรามานั้นยิ่งใหญ่กว่ามหาสมุทร ตอนนี้ท่านไม่สบายมาก กอหญ้าไม่คิดจะไปให้ท่านเห็นหน้าบ้างเลยเหรอจ๊ะ” ยุพาปลอบและโน้มน้าวจิตใจเด็กสาว
กอหญ้ารู้สึกสะเทือนใจ สับสน จนน้ำตารื้น
“กลับไปเถอะนะครับ คุณหนู...ถ้าไม่เห็นแก่ผู้หญิงที่น่าสงสารคนหนึ่ง ที่กำลังจะตรอมใจตายเพราะคิดถึงลูก ก็นึกเสียว่า เห็นแก่โบสถ์และเด็กกำพร้าที่นี่ทุกคน
กอหญ้าประหลาดใจ “อะไรนะคะ”
ปราบเยื้อนยิ้ม “คุณหนูคงยังไม่ทราบ คุณแม่ที่แท้จริงของคุณหนู หม่อมหลวงนภดารา ศิวาวงศ์ ท่านร่ำรวยมหาศาล ราคาที่ดินยี่สิบสามสิบล้าน เป็นเพียงแค่เศษเงินเท่านั้น สำหรับศิวาวงศ์”
พเยียนิ่งฟัง ตะลึง ตัวชาไปหมด นึกไม่ถึง สายตาพเยียเพ่งมองไปที่ยุพากับปราบช่วยกันกล่อมกอหญ้าต่อไป
“คุณหนูคือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับท่านตอนนี้ แค่คุณหนูเอ่ยปากคำเดียว อย่าว่าแต่โบสถ์และสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ คุณหนูจะอุปการะเด็กกำพร้าอีกซักกี่ร้อยกี่พันคนก็ย่อมได้”
กอหญ้ามีทีท่าอ่อนลง คุณแม่ยุพาดึงกอหญ้ามากอดอย่างปลอบโยน
“แม่รักหนูนะจ๊ะ กอหญ้า แต่คงไม่มากไปกว่า คุณแม่ที่แท้จริงของหนู ท่านรออยู่หนูมาสิบแปดปีแล้ว ไปหาท่านเถอะนะจ๊ะ กอหญ้า”
กอหญ้า รับคำเสียงอ่อยๆ “ค่ะ”

พเยียได้ฟังตาลุกวาวโรจน์ มีแผนการบางอย่างในใจ และผุดยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง
ช่วงเวลาตอนกลางวัน คุณชายนภัสรพีอยู่ในห้องทำงานที่วังศิวาลัย กำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับทนายปราบที่ตอนนั้นยืนอยู่ด้านนอกโบสถ์ริมเขาในจังหวัดเชียงใหม่

“เป็นยังไงบ้าง ปราบ ได้เรื่องไหม”
ปราบรายงานอย่างตื่นเต้นดีใจมาก
“ปาฏิหารย์มีจริงครับ คุณชาย...ผมได้ตัวคุณหนูแล้ว”
“เธอหมายความว่า เธอได้ตัวเด็กที่เหมาะสม จะเอามาอุปโลกน์เป็นลูกสาวของนภดาราแล้ว”
“มิได้ครับ คุณชาย” ปราบดีใจสุดๆ “ผมหมายความว่า ผมเจอคุณหนูครับคุณหนูตัวจริง ลูกสาวของคุณนภดาราครับ”
นภัสรพี ตะลึง “อะไรนะ! เป็นไปได้หรือนี่”
“เป็นไปแล้วครับ คุณชาย คุณหนูมีทั้งล้อกเก็ต มีทั้งแหวนรูปดาว เธอเป็นลูกสาวของคุณนภดาราตัวจริงแน่นอนครับ” ปราบย้ำคำ

นภาจรีที่นั่งฟงเรื่องอยู่ ออกอาการดีใจมาก
“โอ หญิงไม่อยากเชื่อเลย” นภาจรีหัวเราะทั้งน้ำตา “นี่หญิงจะต้องไปแก้บนกี่วัดกี่วากันนี่ บนเอาไว้จนจำไม่ได้แล้ว...แล้วตอนนี้เด็กคนนั้นอยู่ที่ไหนคะ”
นภัสรพีสีหน้ามีความสุข “เชียงใหม่ ปราบบอกว่าจะพากลับมาด้วยกันพรุ่งนี้แต่เช้า”
“ไฟลท์ไหนคะ สายการบินอะไร หญิงจะได้สั่งรถไปรับ”
“เขาจะขับรถลงมา คงมาถึงนี่ตอนค่ำๆ” เห็นนภาจรีทำหน้างง นภัสรพีจึงอธิบาย “ปราบเขานั่งเครื่องบินไม่ได้ เขากลัว เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่หนุ่มแล้ว”
นภาจรีบ่นอุบ “ตายจริง กว่าหญิงจะได้เห็นหน้าหลาน”
นภัสรพี ตัดบท “เอาเถอะน่ะ หญิงนภา รอมาตั้งสิบกว่าปีแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงจะเป็นไรไปมาช่วยกันคิดดีกว่า ว่าเราจะบอกเรื่องนี้กับนภดารายังไง”
นภาจรีนิ่งไป ได้คิด
“นั่นสิคะ หลานดาราอ่อนแอมาก ถ้ารู้เรื่อง แล้วเกิดช็อกขึ้นมาล่ะก็ แย่เลย”

จังหวะนั้นเสียงนภดาราดังขึ้นที่หน้าประตู
“เรื่องอะไรเหรอคะ อาหญิง”
นภัสรพี กับนภาจรีหันไป เห็นนภดารานั่งอยู่ในรถเข็นเข้ามาหาพ่อ นภัสรพียิ้มปลอบ แล้วค่อยๆ บอก
“เรื่องสำคัญมากลูก เรื่องของเด็กคนนั้น ลูกสาวของลูกที่หายไป”
“ลูก...” นภดารา ตื่นเต้น แต่ยังมีท่าทีหวาดระแวง “ทำไมคะ คุณพ่อ เราเจอแกแล้วเหรอคะ”
นภัสรพีพยักหน้าช้าๆ นภดาราใจสั่นแววจาไหวระริก
“แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหนคะ ลูกสาวของลูกอยู่ที่ไหน ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน”
“หลานดารา เย็นใจๆ ฟังอานะ ตอนนี้เด็กคนนั้นอยู่ที่เชียงใหม่ ปราบจะพาเธอลงมากรุงเทพพรุ่งนี้”
นภดาราลุกพรวดอย่างลืมตัว
“พรุ่งนี้...พรุ่งนี้ ลูกจะกลับมา”
“จ้ะ พรุ่งนี้ ดาราจะได้เห็นหน้าลูกแล้วนะ” นภาจรียิ้ม
นภดาราตื่นเต้น เกร็งไปทั้งร่าง แล้วเป็นล้มทรุดฮวบลงไปต่อหน้า ทุกคนตกใจ
“ว้าย!”
“นภดารา!”

คืนนั้นภายในห้องนอนของกอหญ้า มีเตียงเหล็กสีขาวผ้าปูที่นอนขาว เหมือนกันสองเตียง ลักษณะคล้ายๆ ห้องนอนของเด็กเล็ก แต่เป็นสัดส่วนกว่า กอหญ้าพับเสื้อผ้า 2-3 ชิ้นใส่กระเป๋าใบเล็กๆ พเยียอ้อนวอน
“แกให้ฉันไปด้วยไม่ได้เหรอ นะ กอหญ้า นะ”
“เกรงใจเขาน่ะ แล้วฉันไปธุระนะ ไม่ได้ไปเที่ยว พเยียจะตามไปทำไม”
พเยียฉุน ขึ้นเสียง “โกหก! ฉันรู้นะว่าแกจะไปหาแม่ตัวจริงของแก”
กอหญ้าตกใจอุดปากพเยีย
“รู้ได้ยังไงเนี่ย ใครบอก” พเยียสะบัดออก “นี่แอบฟังอีกแล้วใช่ไหม”
“ไม่แอบฟังจะรู้ได้ไงล่ะ” พเยียอ้อนอีก “นี่ เราโตมาด้วยนะ กอหญ้า แกได้ดี แล้วจะทิ้งเพื่อนหรือไง .. ที่บ้านแม่แกน่ะ เห็นอีตาลุงนั่นว่าร่ำรวยมหาศาล เป็นวังเจ้าวังนายไม่ใช่เรอะ แกให้ฉันไปอยู่ด้วยคนซี กอหญ้า”
“ใครว่าฉันจะไปอยู่กับเค้า...ฉันจะไปขอให้เค้าช่วยโบสถ์ของเรา แล้วฉันก็จะกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเดิม”
“กอหญ้า! แกจะบ้าเหรอ แกมีแม่เป็นถึงมหาเศรษฐี”
กอหญ้าเอามืออุดปากพเยียอีก

“ไม่เอานะ พเยีย อย่าพูดไป เรื่องนี้ฉันกับคุณแม่ยุพาไม่ได้บอกใครทั้งนั้นไม่อยากให้วุ่นวาย เธอก็เงียบไว้ล่ะ ห้ามเล่าให้ใครฟังทั้งนั้น”
“แต่ว่าฉัน...”
“ฉันจะไม่ไปอยู่กับเค้า ฉันจะกลับมาอยู่ที่นี่ เป็นกอหญ้าคนเดิม เข้าใจ๋”
กอหญ้าตัดบทแล้วปิดไฟ ล้มตัวลงนอน พเยียมองอย่างขัดใจ

อีกฟากหนึ่ง อิศรเปิดประตูห้องพักของโรงแรมหรู ก้าวเข้ามา เหวี่ยงสูทและเนคไทกระจาย แล้วทุ่มตัวลงนอนบนเตียง ท่าทางอิศรเหมือนเพิ่งผ่านปาร์ตี้อันหนักหน่วงมา โทรศัพท์ที่หัวเตียงดังขึ้น
อิศรดูนาฬิกา บอกเวลาตีสองกว่าๆ แปลกใจ
“ใครวะ”
อิศรเอื้อมมือไปรับ พูดทั้งๆ ที่หลับตาอยู่
“ฮัลโหล”
เสียงอรรถดังลอดออกมา
“นี่ฉันเอง”
อิศรเด้งขึ้นมานั่ง ตาสว่าง
“พ่อ!”
อรรถอยู่ในเสื้อคลุมชุดนอน อยู่ที่ห้องนอนในคฤหาสน์ พูดด้วยน้ำเสียงดุ ไม่พอใจ
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด แกคงเพิ่งถึงห้อง แล้วก็คงเมาปริบเหมือนเคย”
อิศรกวนกลับ “ถ้าผมเดาไม่ผิด พ่อคงอยู่ที่บ้าน แล้วก็มีผู้หญิงหน้าด้านออเซาะอยู่ข้างๆ เหมือนเคย”
“หยุดนะ”
อรรถตวาดเสียงดัง สกุณา ในชุดนอนสีแดงสดแสนเซ็กซี่ที่นั่งกึ่งนอนอยู่เตียง ลุกขึ้นมา
“อะไรกันคะ คุณ”
อรรถพยายามข่มอารมณ์พูดกับอิศร
“ฉันโทร.หาแกที่มือถือไม่รู้กี่สิบครั้ง แกไม่รับสาย ตกลงเรื่องที่ดินบนเขาน่ะว่ายังไง พวกแม่ชีกับเด็กกำพร้าเค้าจะย้ายออกไปได้เมื่อไหร่”
“ไม่รู้สิครับ”
“ทำไมไม่รู้! แกไม่ได้บอกเค้าเหรอ ว่าเค้าจะต้องย้ายออกไปเมื่อไหร่”
“พ่อทำไมไม่บอกเองล่ะครับ เก่งอยู่แล้วนี่ เรื่องทำร้ายจิตใจคนเนี่ย” อิศรแดกดันผู้เป็นบิดา
อรรถโกรธจัด ขึ้นเสียงใส่ “ไอ้อิศร”
“กู้ดไนท์ พ่อ”
อิศรวางสาย
“ไอ้อิศร”
อรรถโกรธจนตัวสั่น สกุณาเดินเข้ามากอดแขนปลอบใจ
“ลูกชายของคุณร้ายเหลือเกิน เมียเก่าคุณคงตามใจลูกจนเสียคน ถ้าขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ อีกหน่อยจะเอากันไม่อยู่นะคะ”

สกุณาพูดนิ่มๆ แต่แววตาบอกความร้ายกาจและเกลียดชังลูกเลี้ยงชนิดปิดไม่มิด
เช้าตรู่วันต่อมาปราบยืนรอที่รถ ตรงข้างโบสถ์อย่างสุภาพนอบน้อม กอหญ้ากับคุณแม่ยุพาเดินมาด้วยกัน กอหญ้ากุมมือแม่ยุพาอย่างตื่นๆ

“ไม่ต้องกลัวจ้ะ แม่จะอยู่ข้างกอหญ้าเสมอ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
กอหญ้ายิ้ม อุ่นใจขึ้น ทั้งสองเดินไปที่รถ ปราบแย่งเปิดประตูให้
“เชิญครับ คุณหนู”
กอหญ้ายิ้มอย่างลำบากใจ ยกมือไหว้
“ขอบคุณค่ะ คุณลุง”
กอหญ้าเข้าไปนั่งอย่างเรียบร้อย แม่ยุพาขึ้นไปนั่งข้างหน้าคู่ปราบ รถขับออกไปช้าๆ

รถของปราบแล่นมาอย่างระมัดระวัง บนถนนที่เต็มไปด้วยหมอกหน้ายามเช้า จู่ๆ ร่างใครคนหนึ่งก็โผล่พรวดจากข้างทาง มายืนจังก้ากลางถนนขวางทางไว้ ดูน่ากลัวและน่าตกใจ ปราบรีบเบรครถดังเอี๊ยด
“อะไรกัน”
พอหมอกจางไป ยุพาจึงเห็นว่าร่างนั้นคือพเยียนั่นเอง ยุพากดกระจกลง พลางพูดตำหนิ
“พเยีย เธอทำอะไรของเธอ ถ้าโดนรถชนขึ้นมาจะว่ายังไง”
พเยีย มีกระเป๋าใบเล็กๆ สะพายหลังวิ่งเข้ามาหา
“ขอโทษค่ะ คุณแม่” หันไปพูดกับปราบ “พเยียจะขอติดรถไปกรุงเทพฯ ด้วยนะคะคุณลุงขา”
พูดจบ พเยียก็เข้ามานั่งที่เบาะหลังข้างกอหญ้าเรียบร้อย ทุกคนอึ้ง
“เธอจะไปทำไม” ยุพางวยงง
“พเยียสมัครนางแบบเอาไว้ เค้าเรียกไปแคสต์งานน่ะค่ะคุณแม่” พเยียอ้อนเสียงหวาน “ขอพเยียไปด้วยคนนะคะ นะคะ”
ยุพามองปราบอย่างเกรงใจ ปราบยิ้มใจดี
“ดีครับ ไปกันหลายๆ คน คุณหนูจะได้ไม่เหงา”
ปราบออกรถ กอหญ้ามองพเยีย อ่อนใจกับความเจ้าเล่ห์ของเธอ

เสียงนกร้องจุ๊บจิ๊บ ชื่นรินนมสดให้นภดาราที่นั่งอยู่ในสวนสวย
“แข็งใจทานอีกนิดนะคะ คนดีของชื่น จะได้มีแรงต้อนรับคุณหนู”
“จ้ะ แม่ชื่น”
นภดารายกนมดื่มจนหมดแก้ว
“เก่งมากค่ะ”
แม่ชื่นจะยกแก้วออกไป นภดารารั้งไว้
“ชื่นจ๋า...ชื่นว่าลูกฉันจะหน้าตาเป็นยังไง”
“ก็ต้องสวยซีคะ สวยแล้วก็ใจดีเหมือนคุณดารา”
นภดารายิ้ม แววตาเปี่ยมด้วยความหวัง

เวลาเดียวกันนภัสรพีกับนภาจรียืนมองนภดาราจากหน้าต่าง สีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข
“แล้วเราจะบอกกับใครต่อใครว่ายังไงคะ พี่ชาย”
“ก็บอกความจริงไป เรื่องมันล่วงเลยมาขนาดนี้แล้ว”
“พี่ชายไม่กลัวคนนินทาแล้วหรือคะ” นภาจรีอดถามเสียมิได้
“เมื่อก่อน พี่เคยคิดว่าพี่มีเกียรติยศศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูลที่ต้องรักษาแต่สิบแปดปีที่ผ่านมา ทำให้พี่รู้ว่าความสุขของคนที่เรารัก คือสิ่งที่สำคัญที่สุด... พี่จะบอกกับทุกคนว่า เด็กคนนี้คือทายาทของศิวาวงศ์”

ขณะเดียวกลุ่มคนเดินทางจากเชียงใหม่ทั้ง 4 ทั้งหมดแวะทานข้าวกลางวันที่ร้านอาหารริมทาง คุยกันเรื่องครอบครัวของกอหญ้า
“ได้เป็นทายาทแล้วมันเป็นยังไง ไอ้ตระกูลศิวาวงศ์เนี่ย มันวิเศษวิโสขนาดไหนเหรอ” พเยียพูดอย่างไม่มีมารยาท
ปราบไม่ค่อยพอใจการพูดของพเยีย แต่เก็บกิริยาไว้
“ราชสกุลศิวาวงศ์เป็นตระกูลเก่าแก่ มีทรัพย์สินมรดกตกทอดกันหลายชั่วอายุคน เรียกว่าร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย” ปราบว่า
“โอ้โห แล้วไอ้วังศิวาลัยอะไรเนี่ย มันวังจริงๆ แบบในนิทานเลยเหรอ” พเยียตาโต
“ครับ เป็นตำหนักเก่า ที่ท่านต้นตระกูลได้รับพระราชทานมา งดงามมาก”
พเยียหันมาทางกอหญ้า “ไปอยู่วังเจ้า แกก็ได้เป็นเจ้าหญิงสินะ แกนี่โชคดีชะมัดเลยกอหญ้า”
“เจ้าหญิงอะไร ฉันไม่ได้จะไปอยู่กับเค้าซะหน่อย ที่ฉันไป ก็แค่ไปหาเงินมาให้ไอ้พวกนายทุนใจร้ายเท่านั้นแหละ”
จู่ๆ กอหญ้าก็คิดไปถึงอิศร นึกหมั่นไส้ขึ้นมา

อิศรอยู่ที่ห้องรับแขกของโบสถ์ ผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง แปลกใจ
“อะไรนะครับ กอหญ้าไปกรุงเทพฯ” นึกไม่ถึง “ไปเมื่อไหร่ครับ แล้วไปทำไม”
“ออกไปเมื่อเช้านี่เองค่ะ เห็นว่าจะไปหาทาง...เอ่อ หาเงินมาจัดการเรื่องที่ดิน” คุณแม่วันเพ็ญบอก
อิศรหน้าเสีย รู้สึกผิด

อ่านละคร แผนรักแผนร้าย ตอนที่ 1/3 วันที่ 9 ก.พ. 56

ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทประพันธ์ : ไอริณ
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย บทโทรทัศน์ : ทีมเอ็กแซ็กท์
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ, วรวิทย์ ขัตติยโยธิน
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย แนวละคร : เมโลดราม่า - โรแมนติก
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย ออกอากาศทุกคืนวันพุธ-พฤหัส 20.10 - 21.40 น. ทาง ททบ. 5
ละครเรื่อง แผนรักแผนร้าย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ที่มา manager.co.th